เคล็ดดูแลความงามสำหรับสาวขี้เกียจ

เคล็ดดูแลความงามสำหรับสาวขี้เกียจ

              ขึ้นชื่อว่าผู้หญิงแล้ว ยังไงทุกคนก็ต้องรักสวยรักงาม และอยากจะมีใบหน้าและผิวพรรณที่น่ามอง แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะแฮปปี้กับการที่ต้องมานั่งบำรุงผิวหลายๆ ขั้นตอนก่อนนอนเสมอไป แม้จะอยากดูดีอยู่ตลอดเวลา แต่สำหรับสาวๆ บางคนแล้ว การต้องเสียเวลาบำรุงผิวก่อนนอนเป็นชั่วโมงๆ กับการได้นอนหลับพักผ่อนมากขึ้นอีกซักชั่วโมง เธอขอเลือกอย่างหลังมากกว่า  วันนี้เราเลยมีเคล็ดลับประหยัดเวลา ที่จะช่วยให้ผิวของผู้หญิงขี้เกียจดูดีขึ้นได้มาฝาก เปลี่ยนปลอกหมอนบ่อยๆ                                                                                                                     เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดสิว สาวๆ ควรเปลี่ยนปลอกหมอนบ่อยๆ สักประมาณ  2  ครั้งต่อสัปดาห์  ก็จะช่วยลดต้นตอของการเกิดสิวบนใบหน้าไปได้ส่วนหนึ่ง                                                                                                                   ทำความสะอาดโทรศัพท์                                                                                                                                                                   เราใช้โทรศัพท์มือถือกันจนชินและเผลอลืมไปว่า แท้จริงแล้วโทรศัพท์นั้นเป็นอีกสิ่งสำคัญ ที่ทำให้ผิวของเราเสี่ยงต่อการเกิดสิว ได้ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหานี้ ให้ใช้เจลทำความสะอาดหน้าจอโทรศัพท์อยู่เสมอ หรืออาจเน้นใช้หูฟังเพื่อพูดคุย แทนการแนบโทรศัพท์กับผิวหน้าขณะพูด                                                               ล้างหน้าก่อนนอนอีกวิธีในการรักษาความเปล่งปลั่งของผิว คือการทำให้รูขุมขนสะอาด จึงควรล้างเครื่องสำอางออกก่อนเข้านอนทุกครั้ง แต่ถ้าขี้เกียจมากจริงๆ ก็ให้เช็ดเครื่องสำอางออกด้วยทิชชู่เปียก หรือเช็ดด้วยน้ำมันมะพร้าว เพราะน้ำมันมะพร้าวนั้นถือว่าดีต่อผิว โดยให้นวดหน้าด้วยน้ำมันเป็นวงกลม เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น ฉะนั้นควรตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีกระดาษทิชชู่เปียก หรือน้ำมันมะพร้าวไว้ใกล้กับเตียงนอนเสมอ ใช้แผ่นมาส์กหน้า                                                                                                                         การดูแลผิวหลายขั้นตอนไม่ใช่เรื่องสนุกสำหรับบางคน เพราะมันเหนื่อยเกินไป โดยเฉพาะการมาส์กหน้าแบบโฮมเมด ที่ประกอบไปด้วยส่วนผสมหลายอย่าง และอาจต้องใช้เวลานาน เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงความยุ่งเหยิงและประหยัดเวลา แนะนำให้ให้ใช้เป็นแผ่นมาสก์หน้าแทน เพราะมันสะดวกมากและใช้งานง่าย เพียงแค่วางลงบนใบหน้าประมาณ

Read More

ทำความรู้จักกับ “กลูต้าไธโอน”

ทำความรู้จักกับ “กลูต้าไธโอน”

            กลูต้าไธโอน คืออะไร ทำไมกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวขาวจึงมีส่วนผสมของสารประเภทนี้ วันนี้เราจะพาไปรู้จักกับกลูต้าไธโอนกันให้มากขึ้น                กลูต้าไธโอน (glutathione) เป็นพันธะเปปไทด์ระหว่างกรดอะมิโน 3 ชนิด ซึ่งอยู่ในเซลล์ของสัตว์ ได้แก่ ซีสเตอีน (Cysteine), กลูตามิก (Glutamic) และไกลซีน (Glycine) ซึ่งสารกลูต้าไธโอน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญที่สุดในร่างกาย และจำเป็นต่อเซลล์ต่างๆ เพื่อช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ประโยชน์ของกลูต้าไธโอน           สารกลูต้าไธโอน ถือเป็นสุดยอดของสารต้านอนุมูลอิสระ ทำหน้าที่สำคัญในการทำงานของวิตามินซีและอี ซึ่งหากร่างกายได้รับในปริมาณสูง คุณภาพและสุขภาพผิวก็จะดีขึ้น สารนี้ยังมีหน้าที่สำคัญในการขับสารพิษออกจากเซลล์ โดยขจัดโลหะหนัก และอนุมูลอิสระ ซึ่งทำลายคุณภาพการทำงานของเซลล์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับผิว และการเกิดเม็ดสีบนผิว เช่น จุดด่างดำ หรือแม้แต่ริ้วรอยต่างๆ ซึ่งปัญหาผิวทั้งหมดนี้สามารถลดลงและหลีกเลี่ยงได้ โดยการเพิ่มสารกลูต้าไธโอนในร่างกาย หน้าที่ของกลูต้าไธโอนในการปกป้องผิว               รังสียูวีจากแสงแดดสามารถทะลุผ่านเข้าไปยังผิวชั้นใน และก่อให้เกิดปัญหาผิวเสื่อมก่อนวัยได้ เนื่องจากเข้าไปทำลายเส้นใยคอลลาเจน สารกลูต้าไธโอนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยปกป้องเส้นใยคอลลาเจนจากการถูกทำลายโดยรังสียูวี รวมถึงปกป้องการยืดหยุ่นของผิวอีกด้วย ทำไมกลูต้าไธโอนจึงทำให้ผิวขาวได้?             สาเหตุหลักของผิวที่เข้มขึ้นก็คือ การที่เซลล์เมลาโนไซต์สังเคราะห์เมลานินในปริมาณที่มากเกินไปในผิวชั้นใน ซึ่งไทโรซิเนสเป็นเอนไซม์หลักในกระบวนการสังเคราะห์เมลานิน โดยเม็ดสีเมลานินมีด้วยกัน

Read More

ทาแป้งฝุ่นก่อนนอน ดีจริงไหม?

ทาแป้งฝุ่นก่อนนอน ดีจริงไหม?

ว่ากันตามจริง วัฒนธรรมการทาแป้งฝุ่นก่อนนอนนั้น มีให้ได้เห็นกันมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยคุณย่าคุณยาย โดยเฉพาะตามต่างจังหวัด แต่ก็มีหลายคนออกมาแย้งว่า ทำแบบนี้แล้วมันจะดีหรือ? จะทำให้เป็นสิวอุดตันไหม? วันนี้เราจะพาไปหาคำตอบกัน เชื่อว่าทุกวันนี้ คุณสาวๆ บางคน ก่อนจะเข้านอน หลังจากทาไนท์ครีมเสร็จแล้ว ก็มักจะทาแป้งฝุ่นทับด้วยเสมอ เพราะมันช่วยให้หน้าไม่มัน ไม่เหนียวเหนอะหนะ และรู้สึกสบายหน้ามากขึ้น อีกทั้งหลายคนยังรู้สึกว่า ตื่นเช้ามาหน้าก็ไม่มันอีกด้วย ซึ่งการทำแบบนี้ จริงๆ แล้วควรหรือไม่ควร?          คำตอบคือ การทาแป้งฝุ่นก่อนนอนนั้น ความจริงแล้วไม่มีถูกและไม่มีผิด เพราะมีหลายคนที่ชอบทาแป้งฝุ่นก่อนนอนกันเป็นประจำ แต่ก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร นั่นแปลว่าสามารถทำได้ไม่ผิด แต่สำหรับบางคน หากทาแป้งฝุ่นก่อนนอน แล้วทำให้เป็นสิว ก็ไม่ควรทำ ซึ่งผลที่ต่างกันนี้ ก็เป็นเพราะว่าสภาพผิวของคนเรานั้นไม่เหมือนกัน สำหรับคนที่ผิวหน้ามันมากๆ แนะนำให้หลีกเลี่ยงการทาแป้งฝุ่นก่อนนอนจะดีกว่า เพราะผิวหน้าที่มันอยู่แล้ว บวกกับทาครีมที่มีน้ำมัน เมื่อทาแป้งทับเข้าไปอีก แป้งฝุ่นก็จะจับตัวกับน้ำมัน ทำให้อุดตันรูขุมขน และเป็นสาเหตุให้เกิดสิวอุดตันได้ง่าย ส่วนในบางคน การทาแป้งฝุ่นอาจไม่ได้ทำให้เป็นสิวก็จริง แต่ก็อาจจะทำให้หน้าแห้ง และขาดความชุ่มชื้นได้ นั่นเป็นเพราะ แป้งฝุ่นมีคุณสมบัติในการดูดความชื้นได้ดี จึงนิยมนำมาทาที่ผิวเด็ก เพราะจะทำให้เด็กๆ สบายตัว และช่วยลดความอับชื้นได้ อย่างไรก็ตาม แม้การทาแป้งฝุ่นก่อนนอน

Read More

ครีมกันแดดสำคัญยังไง

“ครีมกันแดด”สำคัญยังไง

  ครีมกันแดดสำคัญก็เพราะ ครีมกันแดดมีส่วนผสมที่ช่วยป้องกันไม่ให้เกิด มะเร็งผิวหนัง ริ้วรอย ก่อนวัยอันควร PA เป็นค่าที่ใช้วัดการป้องกันรังสี UVA และ UAB ซึ่งเจ้ารังสี2ตัวอันตรายทั้งคู่ เพราะ UVA ทำให้เกิดผิวคล้ำ ริ้วรอย ผิวเหี่ยวย่นจากแสงแดดได้ UVB ทำให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนัง ผิวหนังแดง และไหม้จากการตากแดดเป็นเวลานานแบ่งเป็นมี 3 ระดับ PA+ ป้องกันรังสีได้ปานกลางได้เท่านั้น PA++ ป้องกันรังสีได้สูง PA+++ ป้องกันรังสีได้สูงสุด SPF คือ ระยะเวลาที่ครีมกันแดดสามารถป้องกันแสงแดดได้ ยิ่งค่า SPF สูงยิ่งป้องแสงแดดได้นาน แต่ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิว ดังนี้ ค่า SPF 15 ถ้าเป็นสาวที่มีผิวขาวซีด ผิวขาวอมชมพู ผิวขาวอมเหลือง ประมาณ 1 ชั่วโมง ถ้าเป็นสาวที่มีผิวสองสี ประมาณ 4 ชั่วโมง ค่า SPF 30 ถ้าเป็นสาวที่มีผิวขาวซีด ผิวขาวอมชมพู

Read More

ผมสลวยสวยเก๋ ด้วย 3 วิธีนี้5

“ผมสลวยสวยเก๋” ด้วย 3 วิธีนี้

สาวๆหลายคน ต่างอยากมีผมสลวยสวยเก๋ มีน้ำหนักกันทั้งนั้น แต่ก็ต้องหมั่นดูแลเป็นอย่างดี ต้องอาศัยวินัย และเวลา วันนี้เรามีเทคนิคดูแลเส้นผมให้สลวยสวยเก๋ได้ง่ายๆ โดยมี 3 วิธีดังนี้ วิธีการสระผมที่ถูกต้อง สระผมบ่อยจะทำให้ผมร่วง จริงหรือ? 1วันเราอาจจะพบได้ว่า มีเส้นผมหลุดร่วงได้วันละ 30-70 เส้นแต่ถ้าเกินกว่า 70เส้นแล้วจะถือว่าผิดปกติ ดังนั้นการสระผมเราก็ควรสระให้ถูกวิธี ไม่ขยี้ผมแรงๆ ไม่ใช้เล็บเกาหนังศรีษะ ควรสระผมแบบวันเว้นวัน   ไม่ควรสระผมด้วยน้ำร้อนหรือน้ำอุ่นจัด ไม่ควรสระทุกวัน เพราะจะทำให้หนังศีรษะและผมแห้งได้  ยิ่งผมแห้งก็ยิ่งขับน้ำออกมามาก ทำให้ผมมัน  ยกเว้นแต่ออกกำลังกายแล้วเหงื่อออกมาก ทำให้ผมมัน ส่วนคนที่มีหนังศีรษะมันมาก สามารถสระผมได้วันเว้นวันแต่ไม่ควรสระมากกว่าวันละครั้ง หลังสระผม อย่าลืมบำรุงเส้นผม ด้วยทรีทเม้นท์บำรุงผม น้ำมันบำรุงผม ครีมนวดผมโดยเน้นบริเวณปลายผมเท่านั้น เพื่อไม่ให้โคนผมมัน ลองเลือกใช้ยาสระผมที่ไม่มีสารซัลเฟต ซัลเฟตเป็นสารที่อยู่ในยาสระผมในยาสระผมทั่วไป เป็นตัวทำให้ยาสระผมมีฟองมากขึ้นเพราะอาจทำให้เส้นผมและหนังศีรษะแห้ง และเลือกยาสระผมให้เหมาะสมกับสภาพผิวหนังและเส้นผมของตนเอง หลังสระผม ใช้น้ำมันเพื่อชโลมผมสวยที่เราแนะนำ น้ำมันอาร์แกน มีวิตามินอีสูงมาก ช่วยลดการขาดร่วงของเส้นผม เพราะอะไรหน่ะเหรอก็เพราะมันไปเพิ่มความแข็งแรง ให้กับเส้นผม เพิ่มความเงางามให้เส้นผมยาวสลวยของเรา แล้วยังเพิ่มประสิทธิภาพในการไหลเวียนของเลือดบริเวณหนังศีรษะได้เป็นอย่างดี  น้ำมันมะพร้าว มีกรดลอริกและกรดโมโนลอรินที่ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียจึงช่วยลดการเกิดรังแคบนหนังศีรษะได้ดี  หมักผมด้วยน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นขณะผมแห้งให้ชโลมน้ำมันมะพร้าวแบบสกัดเย็นให้ทั่วทั้งหัว น้ำมันมะกอก จะมีส่วนช่วยในการลดการเกิดรังแคและน้ำมันส่วนเกินบนหนังศีรษะ

Read More

เทคนิคผมหอมติดทนตลอดวัน

เทคนิค”ผมหอม”ติดทนตลอดวัน

“ผมหอม” เป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งสำหรับหลายคน โดยเฉพาะสาวๆ ที่ไว้ผมยาว แต่ก็มักจะมีปัญหาเรื่องหนังศีรษะมัน ผมเหม็นระหว่างวันอันเนื่องจากเหงื่อ มลภาวะฝุ่นควันต่างๆ ยิ่งวันไหนไปกินปิ้งย่าง หมูกะทะยิ่งทำให้ผมเหม็นจนน่าหงุดหงิด รวมไปถึงหนังศีรษะที่อับชื้น จนทำให้ต้องมัดผมทั้งวันเพราะไม่กล้าปล่อยผมจนขาดความมั่นใจ วันนี้เลยถือโอกาสหยิบยกเทคนิคผมหอมติดทนตลอดวันมาฝากกัน รับรองว่าถ้าได้ลองนำไปทำตามแล้วผมก็จะกลับมาพริ้วสวยและที่สำคัญหอมติดทนจนใครอยู่ใกล้ๆ ก็ต้องทัก! สระผม 2-3 รอบก่อนหมักครีมนวด อันดับแรกที่เป็นเคล็ดลับผมหอมสดชื่นได้ตลอดทั้งวันนั่นก็คือ การสระผมด้วยแชมพูที่มีกลิ่นหอมทั้งหมด 2-3 รอบ วิธีนี้แนะนำหรับคนที่มีหนังศีรษะที่แข็งแรงนะ! เพราะการสระผมหลายครั้งหรือบ่อยๆ อาจทำให้หนังศีรษะแห้งได้ในคนที่มีหนังศีรษะแห้งและบอบบาง หรือหากอยากสระหลายครั้งจะต้องเลือกแชมพูสูตรอ่อนโยนที่มีลักษณะใสๆ พร้อมมีกลิ่นหอม จากนั้นจึงตามด้วยการนวดผมด้วยครีมนวดหรือทรีทเมนท์บำรุงผมทิ้งไว้ 2-3 นาที จากนั้นจึงล้างออก แค่นี้ผมก็จะหอมยาวนานได้ทั้งวัน เช็ดผมให้แห้งสนิท หลายคนมองข้ามการเช็ดผมให้แห้งสนิทก่อนมัดผม ก่อนนอน หรือก่อนออกจากบ้าน การที่ผมและหนังศีรษะยังเปียกอยู่จะทำให้เกิดการหมักหมม จนบางครั้งอาจทำให้เกิดเชื้อราบนหนังศีรษะได้ นี่จึงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้หนังศีรษะมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ และนำไปสู่โรคเกี่ยวกับหนังศีรษะได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นเราจึงต้องให้ความสำคัญกับผมและหนังศีรษะเป็นพิเศษ ด้วยการเช็ดผมด้วยผ้าขนหนูหรือไดร์เป่าผมให้แห้งสนิทก่อนมัดผมหรือก่อนจะเข้านอน ฉีดสเปรย์เพิ่มความหอม หลังสระผมและเช็ดผมจนแห้งสนิทแล้ว วิธีที่จะทำให้ผมหอมติดทนทั้งวันนั่นก็คือ การใช้สเปรย์ฉีดผมหอม เพื่อเพิ่มกลิ่นหอมมั่นใจตลอดวัน ปัจจุบันมีสเปรย์ผมหอมมากมายให้เลือก ทั้งกลิ่นดอกไม้ กลิ่นสดชื่น กลิ่นผลไม้ ใครชอบกลิ่นไหนจัดเลยจ้า! เพียงฉีดลงบนเส้นผมตั้งแต่โคนจนถึงปลายผมแล้วหวีตาม นอกจากนี้ยังสามารถพกไปฉีดระหว่างวันได้อีกด้วย แค่นี้ผมก็จะหอมสดชื่นทั้งวันแล้ว! ใช้ดรายแชมพูในวันที่ไม่ได้สระผม

Read More

คอลลาเจน

“คอลลาเจน” สารสกัดธรรมชาติ

       คอลลาเจน เป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง ที่มีองค์ประกอบหลักของผิวหนัง ขน และเส้นผม ช่วยทำให้ผิวหนังคงความเต่งตึง  ยืดหยุ่น เรียบเนียน กระชับ อีกทั้งยังเป็นองค์ประกอบของกระดูก กระดูกอ่อน กิน “คอลลาเจน” ยังไงให้เห็นผล ? เลือกคอลลาเจนที่เป็นโมเลกุลขนาดเล็กเนื่องจากยิ่งมีโมเลกุลที่เล็กก็จะยิ่งละลายง่ายดูดซึมคอลลาเจนเข้าสู่ผิวพรรณง่ายโดยในนแก้วควรมีคอลลาเจนไม่น้อยกว่า10,000มิลลิกรัมร่างกายต้องการคอลลาเจนเท่าไรต่อวันนั้นขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ในการทานคอลลาเจนเช่นหากคุณต้องการทานคอลลาเจนเพื่อลดริ้วรอยอย่างเห็นได้ชัดควรเลือก 8-10 รับประทำนคอลลาเจนที่มีระดับความเข้มข้นที่ 10,000  มก. หรือ 1-2 เม็ดต่อวัน เพราะจำกงนวิจัยพบว่าหากทาน10,000มก.ต่อวันในช่วง8ถึง10สัปดาห์ผลลัพธ์จะชัดเจนมากช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและลดริ้วรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าแต่หากต้องการบำรุงสุขภาพเฉยๆ ไม่หวังผลรวดเร็วให้รับประทานวันละ 5,000 มก.ก็เพียงพอแล้ว หากเป็นผู้สูงอายุที่ต้องการทานเพื่อบำรุงรักษากระดูก ควรเลือกระดับความเข้มข้นระหว่าง 2,500 มก.-5,000 มก.  ต่อวันก็เพียงพอแล้วค่ะ หากใครแพ้ปลาหรืออาหารทะเลควรอ่านฉลากให้ดี ๆ ก่อนซื้อนะคะ เช่น Viera Collagen อาหารเสริมคอลลาเจนในรูปแบบผงเอาไว้ชงกับน้ำ หรือเครื่องดื่มต่างๆตามที่ชื่นชอบค่ะ  ควรเลือกทานอาหารที่มีส่วนประกอบของข้อต่อหรือกระดูกอ่อน ยิ่งรับประทานได้ทั้งกระดูกอ่อนยิ่งดี เช่น ต้มซุปกระดูกอ่อน ควรทานตอนท้องว่าง คือ ช่วงที่ไม่ได้ทานอาหารมาก่อนหรือหลังอาหารประมาณ2-3ชั่วโมงจะดีที่สุด เพราะ ร่างกายจะดูดซึมคอลลาเจนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรทานเวลาก่อนนอนดีที่สุด ยิ่งทานก่อนนอน ยิ่งเห็นผลชัดเจนมากขึ้น เพราะ

Read More

How to ผิวขาวอมชมพู

How to “ผิวขาวอมชมพู” โดยไม่ง้อแบงค์พัน

ผู้หญิงอย่างเรา ใครๆก็อยากสวย แต่ช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ดี เพราะพิษของโควิด-19นี่สิ ทำให้ต้องพักการซื้อskincareตัวแพงๆไปก่อน วันนี้เราจึงขอนำเสนอHow to การดูแลตนเองให้ผิวขาวอมชมพู พักผ่อนให้เพียงพอ6-8ชม. โดยนอนหลับให้สนิทระหว่าง3ทุ่ม-ตี5 การนอนดึกจะทำให้ระบบร่างกายของเราเสื่อมโทรม การนอนน้อยและนอนไม่เป็นเวลา ทำให้ร่างกายไม่ได้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในช่วงกลางคืนอย่างเพียงพอ ซึ่งการนอนไม่พอนอกจากจะทำให้หน้าแก่เร็ว ผิวอ่อนแออีกด้วย ออกกำลังกายทุกวัน ประเภทของการออกกำลังกาย แบ่งเป็น 4 ประเภทด้วยกัน ดังนี้ การออกกำลังกายแบบแอโรบิก (Aerobic Exercise) จะช่วยให้การเต้นของหัวใจและการหายใจดีขึ้น ช่วยขยายผนังหลอดเลือดความดันโลหิต เผาผลาญไขมันส่วนเกินร่างกาย ลดระดับน้ำตาลในเส้นเลือด และเพิ่มระดับไขมันดี หากออกกำลังกายแบบนี้ควบคู่กับการกินอาหารคลีน(คือ อาหารที่มีประโยชน์ปราศจากน้ำมันพืช แต่อาจใช้น้ำมันมะพร้าว ใช้ข้าวขัดสี ผักออร์แกนิค)ยังช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในร่างกาย แบบแอโรบิคควรออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที หรือสัปดาห์ละ 150 นาที เช่น เดินเร็ว ว่ายน้ำ จ็อกกิ้ง ปั่นจักรยาน หรือทำกิจกรรมเข้าจังหวะอย่างไรก็ตาม การออกกำลังกายแบบแอโรบิก แต่ไม่ควรหักโหมจนหายใจไม่ทัน เวียนศีรษะ เจ็บหรือแน่นหน้าอก หรือรู้สึกแสบร้อนกลางทรวงอก ทั้งนี้ ควรอบอุ่นร่างกายหรือกล้ามเนื้อทุกครั้ง จิบน้ำระหว่างออกกำให้เพียงพอไม่ควรกลั้นลมหายใจขณะฝึกกล้ามเนื้อ เพราะอาจทำให้ความดันโลหิตเปลี่ยน

Read More

สูตรรักษาฝ้าจากธรรมชาติ

สูตร”รักษาฝ้า”จากธรรมชาติ ทำเองได้ ไม่ง้อคลินิก

ปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ นับเป็นหนึ่งในปัญหาผิวพรรณที่ทำให้หลายคนขาดความมั่นใจไม่น้อย ไม่ว่าจะดูแลรักษาผิวหน้าเป็นอย่างดี ทั้งสกินแคร์รักษาฝ้า ทั้งกางร่มใส่หมวกเพื่อหลบแสงแดด แต่ในบางครั้งก็ยังไม่สามารถหลีกเลี่ยงสาเหตุที่ทำให้เกิดฝ้าได้ รวมไปถึงปัจจัยภายในที่เกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมนที่อาจทำให้เกิดฝ้า กระ จุดต่างดำได้ หลายคนจึงพึ่งพาวิธีต่างๆ ที่เค้าว่ารักษาฝ้าได้หายขาด เช่น สารที่ฤทธิ์เป็นกรด หรือสารอันตรายที่ผสมอยู่ในครีมทาฝ้าบางชนิด ทำให้เพิ่มความเสี่ยงที่อาจทำให้ผิวเกิดอาการระคายเคือง ผิวไหม้ และเกิดจุดด่างดำเข้มยิ่งกว่าเดิม การรักษาฝ้าอย่างถูกวิธีจำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ปลอดภัยน่าเชื่อถือ รวมไปถึงการปรึกษาแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญเพื่อรักษาด้วยวิธีการทานยาและการทำเลเซอร์ รวมไปถึงวิธีรักษาฝ้าด้วยวิธีธรรมชาติที่ไม่เกิดอันตรายต่อผิว สามารถทำเองได้ และเมื่อทำเป็นประจำอย่างต่อเนื่องก็จะทำให้ฝ้า กระ จุดด่างดำลดเลือนได้ วันนี้เรามีสูตรเด็ดเคล็ด(ไม่)ลับรักษาฝ้าด้วยวัตถุดิบที่หาได้ง่าย ทำเองสะดวกมาฝากกัน ส่วนจะมีสูตรไหนบ้างไปติดตามกันเลยดีกว่า! สูตรหัวไชเท้า หัวไชเท้านับเป็นพืชผักที่มีคุณสมบัติช่วยลดเลือนฝ้าได้ สามารถยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานินได้และยังช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป เพียงนำหัวไชเท้าล้างให้สะอาด จากนั้นปอกเปลือกและบดให้ละเอียด นำมาพอกผิวหน้าทิ้งไว้ประมาณ 10-20 นาที จากนั้นล้างออก สามารถพอกได้ 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือ วันเว้นวันก็ได้ และสามารถนำส่วนผสมอื่นๆ มาผสมด้วย เช่น นมสด ว่านหางจระเข้ แตงกวา หรือน้ำผึ้ง เพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิวหน้า สูตรใบบัวบก มีงานวิจัยอย่างแพร่หลายว่า “ใบบัวบก” สามารถรักษาอาการของโรคผิวหนังได้เป็นอย่างดี

Read More

ขมิ้นชัน

“ขมิ้นชัน”กับประโยชน์นับพันที่คุณคาดไม่ถึง แจกฟรี สูตรความงาม!!

ขมิ้นชันเป็นพืชสมุนไพรชนิดหนึ่งที่ทางด้านของนักวิจัยการแพทย์มักนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ มีประโยชน์ต่อร่างกายมหาศาล อย่างเช่น มีประโยชน์ต่อระบบทางเดินอาหารช่วยลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ช่วยย่อยอาหารอีกทั้งยังบำรุงตับ  มีประโยชน์ต่อระบบหัวใจ ลดการตายของกล้ามเนื้อหัวใจและป้องกันเซลล์สมองตายจากการขาดเลือด มีประโยชน์ในด้านการช่วยยับยั้งเซลล์ มะเร็งหลายชนิด อาทิ มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งปอดมะเร็งตับ มะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ อีกทั้งช่วยบำรุงสมองและฆ่าเชื้อมาลาเรียด้วย ซึ่งขมิ้นชันนั้นหากนำมาใช้เป็นยาภายนอก จะมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อราและแบคทีเรียหลายชนิด เรียกได้ว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายเรามหาศาลจริง ขมิ้นชันกับความงาม ขมิ้นชันยังมีประโยชน์ในเรื่องของความงามอีกด้วย ซึ่งเรียกได้ว่ามีสรรพคุณทางยารักษาโรคและบำรุงผิวพรรณ ครอบจักรวาลจริงๆ ซึ่งคนไทยสมัยก่อนนิยมนำขมิ้นชันมาขัดผิวเพราะจะทำให้ผิวขาวผ่องนวลเนียน ปัจจุบันก็ยังมีคนที่ยังใช้วิธีนี้กันอยู่ โดยวิธีนั้นก็คือจะนำผงขมิ้นชันที่บดละเอียดแล้วมาผสมน้ำสะอาดและดินสอพอง จากนั้นคนจนเป็นเนื้อเดียวกันแล้วนำมาขัดผิว ทิ้งไว้30นาที ทำแบบนี้สัปดาห์ละหลายครั้ง ผิวก็จะกระจ่างใส ส่วนสรรพคุณในการเสริมความงามของขมิ้นชันนั้นจะมีอะไรบ้างมาดูกัน รักษาสิววิธีทำคือ นำผงขมิ้นชันบด ละเอียดมาผสมน้ำมะนาวคนให้เข้ากันแล้วนำมาแต้มสิว จาก นั้นพอกหน้าทิ้งไว้20นาที จะช่วยทำให้อาการสิวอักเสบนั้นยุบตัวลง ยกกระชับรูขุมขนบนใบหน้า นำผงขมิ้น ชันบดละเอียดมาผสมกับนมสดและน้ำผึ้งคนให้เข้ากัน จากนั้นนำมาขัดและนวดเบาๆบนใบหน้าพอกทิ้งไว้15-20นาที สูตรนี้จะช่วยยกกระชับรูขุมขนบนใบหน้าให้เรียบเนียน ยกกระชับขึ้น ลดเลือนรอยด่างดำ นำขมิ้นชันไปตาก แห้ง จากนั้นนำมาบดให้ละเอียดจนกระทั่งเป็นผง ก่อนอาบน้ำให้นำมาผสมกับน้ำเล็กน้อยแล้วขัดเบาๆตามลำตัวประมาณ10นาทีจะช่วยทำให้ผิวพรรณที่มีรอยด่างดำแลดูจางลงได้อย่างเห็นได้ชัด ช่วยลดริ้วรอยบนใบหน้า นำผงขมิ้นชัน บดละเอียดนำมาผสมกับถั่วเขียวบดและนมสดคนจนกระทั่งเป็นเนื้อเดียวกันแล้วนำมาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ30นาที

Read More