ช่วงอายุกับการทำศัลยกรรม

ช่วงอายุกับการทำศัลยกรรม

            สมัยนี้ใครอยากสวยแค่ไหนก็สามารถเนรมิตได้ด้วยการทำ “ศัลยกรรม” แต่ทั้งนี้ก่อนทำศัลยกรรม ควรแน่ใจก่อนว่า ช่วงอายุของเรานั้นเหมาะสมที่จะทำศัลยกรรมได้แล้วจริงๆ โดยเฉพาะน้องๆ วัยรุ่น เรื่องนี้ถือเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะผลลัพธ์ที่ได้อาจไม่เป็นอย่างที่หวัง เนื่องจากร่างกายของวัยรุ่นนั้นยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ หากทำไปแล้วผลที่ได้จะไม่คงที่ ยังอาจเปลี่ยนแปลงได้อีกในอนาคต และนั่นอาจส่งผลเสียจนทำให้รูปร่างหน้าตาบิดเบี้ยวไม่เข้ารูปได้ ดังนั้นก่อนคิดที่จะสวยมีดหมอ ลองมาเช็กกันดูสิว่าช่วงอายุเท่าไรเหมาะที่จะทำศัลยกรรมประเภทไหนได้บ้าง ศัลยกรรมจมูกการทำศัลยกรรมจมูก หากทำในช่วงอายุที่ยังน้อยๆ จะทำออกมาแล้วสวยงามได้รูปกว่าอายุมาก ซึ่งช่วงอายุที่เหมาะสมก็คือตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป เพราะถือว่าอยู่ในวัยที่จมูกพัฒนาเต็มที่แล้ว ศัลยกรรมตาการทำศัลยกรรมตานั้นมีหลายแบบ ถ้าหากทำศัลยกรรมตาสองชั้น อายุที่เหมาะสมก็คือ 18 ปีขึ้นไป หรือถ้าเป็นการผ่าตัดถุงใต้ตา ช่วงอายุที่เหมาะสมก็คือ 19 ปีขึ้นไป หรือสาวรุ่นใหญ่ที่เริ่มมีรอยย่น และอยากจะทำศัลยกรรมลบรอยย่นรอบดวงตา ก็สามารถทำได้ตั้งแต่อายุ 45 ปีขึ้นไป ศัลยกรรมปากการศัลยกรรมปาก ทุกวันนี้กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก ทั้งการทำปากบางและปากกระจับ ซึ่งสามารถทำได้ตั้งแต่อายุ 18 ปีขึ้นไป แต่ทั้งนี้ถ้าจะให้เหมาะสมจริงๆ ควรทำในช่วงอายุตั้งแต่ 37 ปี แต่ก็ไม่ควรเกิน 45 ปี เพราะเมื่ออายุมาก ปากจะตกตามธรรมชาติ จึงอาจจะทำออกมาแล้วไม่สวยได้ ศัลยกรรมคางการศัลยกรรมเสริมคาง และเหลากราม

Read More

ทำอย่างไรให้ “รอยแผลเป็น” ดูจางและเล็กลงได้

ทำอย่างไรให้ “รอยแผลเป็น” ดูจางและเล็กลงได้

                เชื่อเหลือกเกินว่าใครๆ ก็ย่อมจะอยากให้ผิวพรรณของตัวเองดูสวยเรียบเนียน ฉะนั้น รอยแผลเป็น ไม่ว่าจะแผลเล็กหรือแผลใหญ่ ก็คงไม่ค่อยจะเป็นที่ปรารถนากันเท่าไหร่นัก เพราะมันทำให้ผิวดูไม่สวยงาม แถมยังต้องเสียเวลาในการหาวิธีปกปิด อีกทั้งการจะทำให้รอยแผลเป็นนั้นจางหรือเล็กลงก็ต้องใช้เวลานาน วันนี้เราจึงมีวิธีแก้ไขปัญหารอยแผลเป็นมาแนะนำ จะมีอะไรบ้าง มาดูกันเลย ใช้ยารักษาแผลชนิดครีมหรือเจลวิธีง่ายที่สุดที่พอจะช่วยได้ คือ การใช้สกินแคร์ หรือผลิตภัณฑ์ลดรอยแผลเป็นตามร้านขายยา โดยจะเป็นเนื้อครีมหรือเจลก็ได้ หากแผลเป็นนั้นคันหรือแพ้ง่าย ครีมที่มีสรรพคุณต่อต่านฮีสตามีน และมี Corticosteroid สามารถช่วยทำให้แผลเป็นจางลงได้ แถมยังมีคุณสมบัติช่วยลดอาการบวม อักเสบ อีกทั้งยังช่วยให้แผลเป็นที่แข็ง นุ่มลงได้ เพียงแค่ทาและนวดเบาๆ เป็นประจำ ทั้งตรงแผลและบริเวณโดยรอบ ใช้ซิลิโคนเจลซิลิโคนเจล มีข้อดีคือ สามารถซึมและกระจายตัวได้ง่าย แห้งเร็ว ไม่ระคายเคืองแม้กับผิวที่บอบบาง และยังช่วยป้องกันการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ยิ่งไปกว่านั้นซิลิโคนเจลจะช่วยให้ผิวชุ่มชื้น เหมือนให้ผิวได้หายใจ โดยมีงานวิจัยที่ชี้ว่า ผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ช่วยลดรอยแผลเป็น สีของแผล และความนูนของแผลให้ยุบลงได้ แต่มีข้อควรระวังคือ ควรทาเจลและทิ้งไว้ให้แห้งสนิทก่อนสวมใส่เสื้อผ้า กินอาหารเสริมที่มีแร่ Zincแร่ Zinc หรือ สังกะสี เป็นแร่ธาตุที่มีความสำคัญต่อการรักษาแผลโดยตรง เพราะจะช่วยลดการอักเสบ และสร้างการเจริญเติบโตของเซลล์ ซึ่งจะช่วยให้รอยแผลเป็นหายเร็วขึ้น แต่ไม่ควรกินในปริมาณที่มากเกินไป เพราะอาจทำให้ท้องอืดหรือท้องเสีย

Read More

เนื้อลิปสติกมีกี่แบบ

เนื้อลิปสติกมีกี่แบบ

เครื่องสำอางชิ้นหนึ่ง ที่คุณสาวๆ จะต้องมีติดตัวไว้เป็นประจำ นั่นก็คือ “ลิปสติก”  ซึ่งบางคนอาจจะมีมากเป็นหลายสิบแท่งเลยทีเดียว ก็สีสันในโลกนี้มันมีตั้งมากมาย เสื้อผ้าในตู้ก็มีตั้งหลายสี จะให้มีสิปสติกแค่สีเดียวได้ยังไงกันล่ะ จริงไหม? แต่สาวๆ รู้ไหม ว่าลิปสติกที่มีให้เลือกซื้อกันอยู่ในทุกวันนี้ มันมีเนื้อตั้งหลายแบบนะ แล้วจะรู้ได้ยังไงล่ะว่า ลิปสติกเนื้อแบบไหนที่เหมาะกับเรากันแน่ วันนี้เราเลยจะพาไปทำความรู้จักลิปสติกแบบต่างๆ ให้มากขึ้น มาดูกันเลยดีกว่า ลิปสติกเนื้อครีมลักษณะเนื้อจะเป็นครีมเนียนนุ่ม อัดแน่นไปด้วยเม็ดสี ทาแล้วจะเห็นสีสันชัดเจน ติดทนนาน และไม่ทำให้ปากแห้ง เหมาะกับคนที่มีริมฝีปากสวยได้รูป ทาแล้วจะช่วยให้ปากดูอวบอิ่มมากขึ้น ไม่เหมาะกับคนที่ปากหนา เพราะจะยิ่งเน้นให้ปากดูหนามากกว่าเดิม ลิปสติกเนื้อเชียร์และซาตินเป็นลิปสติกคล้ายๆ กับชนิดเนื้อครีม แต่จะมีเม็ดสีที่บางเบากว่า และไม่มันวาวมาก เมื่ออยู่ในแท่งอาจดูสีเข้ม แต่เวลาทาจริง สีที่ได้จะอ่อนลง เหมาะกับคนที่ไม่ชอบทาลิปสติกสีจัด และอยากให้ริมฝีปากดูเนียนสวยอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งสามารถทาทับได้หลายครั้งโดยไม่เป็นคราบ ลิปสติกเนื้อแมตต์ลักษณะเนื้อจะมีความเข้มข้น และสีชัดมากที่สุด แต่เนื้อจะด้าน ขาดความมันวาว และติดทนนาน แต่ด้วยความที่เป็นลิปสติกไร้ความมันวาว จึงทำให้ริมฝีปากแห้งได้ง่าย จึงไม่ค่อยเหมาะกับคนที่มีปัญหาปากแห้งอยู่แล้ว เพราะจะทำให้ตกร่องและเป็นคราบ แต่ก็สามารถแก้ปัญหาได้ ด้วยการทาลิปบาล์มเพื่อให้ปากความชุ่มชื้นเสียก่อน ลิปสติกเนื้อมันวาวเป็นลิปสติกที่มีส่วนผสมของกลิตเตอร์นิดๆ จึงมีความมันวาวแบบกลอสซี่ เมื่อทาแล้วจะทำให้ริมฝีปากดูอวบอิ่ม เนียนสวย และชุ่มชื้นมาก ลิปบาล์มหรือลิปมัน

Read More