เคล็ดไม่ลับบำรุงผิวฉบับไอดอลเกาหลี

เคล็ดไม่ลับบำรุงผิวฉบับไอดอลเกาหลี

        ทำไมไอดอลเกาหลี ถึงผิวสวยกันทุกคนเลย หน้าก็ใส หรือเป็นเพราะพันธุกรรมของเขาทำให้ผิวดีขนาดนี้ คำตอบก็คือ ส่วนนึงเป็นเพราะพันธุกรรม 30% แต่ 70% เป็นเพราะการดูแลตัวเองล้วนๆ ต่อให้พันธุกรรมเรื่องผิวดีแค่ไหน แต่ไม่มีการดูแลผิวให้สวยสมวัยอย่างสม่ำเสมอ ผิวของเราก็คงไม่สวยเท่าไอดอลเกาหลีจริงไหมคะ วันนี้เราเอาเคล็ดลับการดูแลผิวให้สวยเป๊ะปัง แบบฉบับไอดอลเกาหลีมาฝากค่ะ ตามมาดูกันดีกว่าค่ะว่าจะมีตัวไหนกันบ้าง~ cr.pic: https://sistacafe.com/       เริ่มจากสาวสุดฮอตคนแรก ที่ใครๆก็ต้องรู้จัก นั้นคือ โรเซ่ จากวง Blackpink girl groupอันดับ1ของเกาหลีในตอนนี้  โรเซ่ เป็นคนที่จริงจังกับการดูแลผิวหน้ามากๆ ถึงขั้นทำความสะอาดผิวในเช้าวันใหม่ครบ 10 ขั้นตอนเลยทีเดียว แล้ว10ขั้นตอนนั้น มีอะไรบ้างหล่ะ cr.pic: https://intrend.trueid.net 1. โรเซ่ใช้คลีนซิ่งน้ำนม คลีนซิ่งออยล์ เช่น Skin and Lab Medicica Comfort Cleanserที่อ่อนโยนต่อผิวหรือบาล์มอย่างHeimish Cleansing Balm บาล์มชื่อดังสำหรับล้างเครื่องสำอางอย่างหมดจด ที่เหมาะกับทุกสภาพผิว แต่จะเหมาะกับคนที่มีผิวธรรมดา หรือผิวแห้งมากที่สุด เพราะโรเซ่บอกว่าเธอเป็นคนผิวแห้ง คลีนซิ่งทั้งสองตัวนี้จะช่วนบำรุงผิวให้มีความชุ่มชื้น

Read More

อาบน้ำในอ่าง....อาบยังไงดีต่อผิว

อาบน้ำในอ่าง….อาบยังไงดีต่อผิว

อาบน้ำในอ่าง….อาบยังไงดีต่อผิว เราก็มักจะทำกันๆ ไปตามความเคยชิน จนบางครั้งก็อาจส่งผลเสียต่อผิวได้ วันนี้จึงมีคำแนะนำดีๆ มาฝาก สำหรับสาวๆ ที่ชอบ อาบน้ำในอ่าง ซึ่งจะใช้เวลาในการอาบนานกว่าการอาบจากฝักบัว และอาจเป็นการทำร้ายผิวของเราได้โดยไม่รู้ตัว ส่วนหนึ่งที่คนชอบอาบน้ำในอ่าง นั่นก็เพราะมันให้ความรู้สึกผ่อนคลายสบายตัวได้มากกว่า ยิ่งเป็นน้ำอุ่นด้วยแล้ว ก็ยิ่งช่วยให้รู้สึกดีมากยิ่งขึ้น ซึ่งวิธีการอาบน้ำในอ่างที่เหมาะสมนั้น ควรทำดังนี้ เตรียมอุปกรณ์สำหรับอาบน้ำไว้ใกล้ตัว เช่น สบู่ แชมพู ครีมนวดผม และผ้าเช็ดตัว เพื่อจะได้สามารถหยิบจับใช้งานได้สะดวก และไม่ทำให้เกิดการลื่นล้มระหว่างอาบน้ำได้ ทำความสะอาดอ่างอาบน้ำ ด้วยการใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำให้เปียกแล้วเช็ดให้ทั่วอ่าง เพื่อกำจัดสิ่งสกปรกตกค้าง และคราบสบู่แชมพู รวมถึงเส้นผมที่หลงเหลือจากการอาบน้ำในครั้งล่าสุด ควรล้างตัวให้สะอาดด้วยฝักบัว ก่อนลงไปแช่ตัวในอ่าง เปิดน้ำให้เต็มอ่าง เพื่อให้สามารถลงแช่ตัวได้สะดวก โดยอุณหภูมิน้ำไม่ควรเกิน 40 องศา หรืออาจจะวัดอุณหภูมิคร่าวๆ ด้วยการลองหยดน้ำลงบนแขนด้านในก็ได้ สามารถเพิ่มความฟินขึ้นไปอีกขั้น ด้วยการหยดน้ำมันหอมระเหยลงในอ่าง เพื่อความผ่อนคลายด้วยก็ได้ โดยควรหยดประมาณ 4-6 หยดก็เพียงพอ หรือหากใครอยากจะเพิ่มส่วนผสมที่ช่วยบำรุงผิวอย่างพวกน้ำนม หรือน้ำผึ้งด้วยก็ได้เช่นกัน ในการอาบน้ำแต่ละครั้ง ควรแช่ตัวในน้ำอุ่นแค่ประมาณ 10-15 นาที ก็เพียงพอต่อการผ่อนคลายแล้ว เพราะหากนานกว่านี้ อาจทำให้ผิวแห้ง หรือป่วยได้

Read More

5 เคล็ดลับดูแลตัวเองในราคาประหยัด

5 เคล็ดลับดูแลตัวเองในราคาประหยัด

        เป็นผู้หญิง หยุดสวยไม่ได้จริงไหมคะ เป็นผู้หญิงก็ต้องหมั่นดูแลตัวเองเป็นพิเศษ แต่วันนี้เราจะมาแนะนำเคล็ดลับในการดูแลตนเอง ในราคาประหยัดงบประมาณกัน เพราะช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดี ถ้าพร้อมแล้วไปดูเคล็ดลับในการดูแลตัวเองแบบทำตามได้ง่ายๆเลยค่ะ Cr.pic www.nutrilite.co.th 1. ทานอาหารที่มีประโยชน์การทานอาหารบำรุงผิว ที่มีวิตามินซีเพื่อผิวใส วิตามินเอ และมีวิตามินอี ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิด โรคหลอดเลือด และโรคมะเร็ง มีส่วนช่วยเพิ่มคอลลาเจนบนใบหน้า ป้องกันการเกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควร เช่น มะเขือเทศ  แนะนำให้ดื่มน้ำมะเขือเทศดอยคำ100% เพราะมีวิตามินซีและเอสูงถึง 200% ทานบรอกโคลี อะโวคาโด  และควรรับประทานอาหารที่มีสารแอนโทไชยานินปริมาณสูง พวกผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ บำรุงดวงตาและผิวพรรณทำให้ผิวกระชับ เต่งตึง Cr.pic www.garlico.net 2. กินกระเทียม เนื่องจากกระเทียมมีวิตามินเอ ช่วยบำรุงสายตา วิตามินซี ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันในร่างกายช่วยทำให้ผิวสวยใส สุขภาพดี ดูกระชับเต่งตึง บำรุงกล้ามเนื้อ Cr.pic www.nutrilite.co.th 3.ชาเขียวที่อุดมไปด้วย สาร์แอนติออกซิแดนด์ ซึ่งมีคุณสมบัติยันยั้งริ้วรอยก่อนวัยอันควร  แถมยังช่วยในการดูดซับสิ่งสกปรกจากผิวหน้า หากเราใช้มาสก์ที่มีส่วนผสมของชาเขียว Cr.pic www.nutrilite.co.th 4.การที่เราจะมีริมฝีปากนุ่มสวยน่าจุ๊บ ก็ต้องเติมความชุ่มชื้นของผิวด้วยลิปบาล์มที่มีส่วนผสมที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่น ไม่เหนียวเนอะหนะ

Read More

เทคนิคดูแลเส้นผมหลังดัดลอน

เทคนิคดูแลเส้นผมหลังดัดลอน

                 หากสังเกตจะเห็นว่าสาวๆ ยุคนี้นิยมดัดผมลอนกันไม่แพ้สมัยคุณแม่ยังสาว แต่มีสิ่งที่แตกต่างออกไป คือ ลักษณะของลอนผมดูเป็นธรรมชาติมากกว่า เพราะสมัยนี้เค้านิยมทำผมลอนด้วยวิธีการดัดดิจิตอล ซึ่งจะช่วยให้ลุคของสาวๆ ดูไม่สูงวัยเหมือนการดัดผมแบบเดิม แถมยังได้ลอนเป็นธรรมชาติโดยไม่ต้องจัดแต่งให้ยุ่งยาก แต่ใครที่เลือกดัดผมด้วยวิธีนี้ ก็จำเป็นต้องรู้เทคนิคการดูแลเส้นผมด้วย ลองมาดูกันว่ามีอะไรบ้าง ไม่สระผมทันทีหลังดัด หลังการดัดผมจะต้องงดสระผม 48 ชั่วโมง เพื่อให้น้ำยาดัดผมทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด และหากพ้นช่วงนี้ไปแล้ว ก็ไม่ควรสระผมบ่อยเกินไป เพราะอาจทำให้ลอนผมคลายตัวเร็ว นอกจากนี้ ก็แนะนำให้ใช้หวีซี่ห่างๆ และหวีขณะผมเปียกเท่านั้น ห้ามใช้หวีซี่เล็ก เพราะจะทำให้ผมชี้ฟูและไม่เป็นทรง ใช้แชมพูผมดัดโดยเฉพาะ แชมพูและครีมนวดที่ใช้ ควรเป็นสูตรเฉพาะของคนดัดผม ซึ่งจะไม่มีส่วนผสมของซัลเฟตและพาราเบน ที่จะส่งผลให้ผมดูลีบแบนได้ หลีกเลี่ยงการใช้ความร้อนกับเส้นผม หลังการดัดผม ควรหลีกเลี่ยงการใช้ที่หนีบผม ที่ม้วนผมไฟฟ้า หรือไดร์เป่าผมที่มีความร้อนสูงๆ เพราะความร้อนจะส่งผลให้ผมดัดที่อ่อนแออยู่แล้ว ยิ่งอ่อนแอกว่าเดิม ใช้มาส์กผมสูตรธรรมชาติ ขั้นตอนการมาส์กเส้นผมหลังดัดนับว่าสำคัญมากไม่แพ้กัน แนะนำให้ใช้น้ำมะนาวผสมน้ำเปล่า มาชโลมลงบนเส้นผมหลังสระ ทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที แล้วค่อยล้างออกด้วยน้ำอุ่น กรดในน้ำมะนาวจะช่วยให้ไฟเบอร์ในเส้นผมยึดเกาะกันแน่นขึ้น จึงช่วยลดการชี้ฟูและจัดแต่งทรงได้ง่ายขึ้น งดกิจกรรมว่ายน้ำ ผมที่เพิ่งผ่านการดัดมาใหม่ๆ ยังไม่ควรสัมผัสกับน้ำในสระหรือน้ำทะเล จึงควรงดกิจกรรมว่ายน้ำไปก่อน ไม่ว่าจะเป็นการว่ายน้ำจืดหรือน้ำเค็ม เพื่อป้องกันไม่ให้เส้นผมที่อ่อนแอจากน้ำยาดัดผม สัมผัสกับทั้งคลอรีนในสระหรือกรดเกลือในน้ำทะเล

Read More

ทำสวยด้วยไข่ไก่

ทำสวยด้วยไข่ไก่

ไข่ไก่ นับเป็นวัตถุดิบคู่ครัว ที่ทุกบ้านจะต้องมีติดตู้เย็นกันเป็นประจำอยู่แล้ว แต่รู้หรือไม่ว่า นอกจากไข่ไก่จะสามารถเอามาทำเป็นอาหารได้สารพัดเมนู แบบครอบจักรวาลแล้ว ยังสามารถเอามาใช้ประโยชน์ในการดูแลความสวยความงามให้กับคุณสาวๆ ได้อีกด้วย วันนี้เราได้รวบรวมวิธีสวยด้วยไข่ไก่มาฝาก ซึ่งแต่ละวิธีนั้นง่าย และสามารถทำเองได้ในวันว่างๆ ใครอยากสวยแบบประหยัด รีบตามมาดูกันเลย ลอกสิวเสี้ยนคุณสมบัติที่ดีอย่างหนึ่งของไข่ขาว คือ มันจะมีลักษณะคล้ายแผ่นฟิล์มบางๆ ที่สามารถเกาะผิวได้ดี เราจึงสามารถใช้ไข่ขาว มาเป็นตัวช่วยในการขจัดสิวเสี้ยนได้ดีพอๆ กับแผ่นลอกสิวเสี้ยนที่มีขายกันอยู่ทั่วไปเลยล่ะ วิธีการคือ ให้นำไข่ขาวมาผสมกับน้ำมะนาวเพียงเล็กน้อย แล้วทาบริเวณที่มีสิวเสี้ยน จากนั้นก็ให้ใช้สำลีแบบแผ่นบางๆ มาแปะทับจนสำลีชุ่ม เมื่อสำลีแห้งแล้วจึงค่อยๆ ดึงออก สิวเสี้ยนก็จะติดสำลีออกมา ปิดจบด้วยการล้างหน้าให้สะอาด ด้วยน้ำเย็นเพื่อกระชับรูขุมขน มาส์กหน้าเนียนนุ่มไม่ใช่แค่ใช้ลอกสิวเสี้ยนเท่านั้น แต่ไข่ขาวยังช่วยขจัดปัญหาผิวได้อีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น รอยสิว ฝ้า กระ และจุดด่างดำต่างๆ อีกทั้งวิตามินในไข่ขาว ยังช่วยบำรุง ให้ผิวหน้านุ่มเนียนได้ด้วย เพียงนำไข่ขาวผสมน้ำมะนาวเล็กน้อย มาพอกหน้าเป็นประจำ ก็จะช่วยให้รอยดำต่างๆ ค่อยๆ หายไป ทำให้ผิวหน้าเกลี้ยงเกลา นุ่มขึ้น และยังทำให้สุขภาพผิวแข็งแรงอีกด้วย บำรุงหน้าใสไม่เพียงแต่ไข่ขาวเท่านั้น ที่สามารถบำรุงผิวหน้าได้ดี เพราะในไข่แดงก็ยังอุดมไปด้วยวิตามิน ที่เป็นอาหารผิวได้ไม่แพ้กัน ใครที่อยากลองใช้สูตรบำรุงผิวหน้ากระจ่างใสด้วยไข่แดง ให้ผสมไข่แดง 1

Read More

แต่งหน้าไม่ติด แก้ไขยังไงได้บ้าง?

แต่งหน้าไม่ติด แก้ไขยังไงได้บ้าง?

                  หลายคนมีปัญหาแต่งหน้าไม่ติดผิว หรือหน้าลอก ลงรองพื้นไปเท่าไหร่ก็ลอยตัวออกมาจากผิว ทำไปทำมาก็กลายเป็นหน้ามันเยิ้มระหว่างวัน ไม่น่ามองเอาซะเลย ใครที่กำลังประสบปัญหาที่ว่านี้ ลองมาดูทริคง่ายๆ ที่จะช่วยให้แต่งหน้าติดผิวมากขึ้นกันดีกว่า หมั่นสครับหน้าบ่อยๆ (สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง) การสครับหน้าจะช่วยให้ผิวหน้าเรียบเนียนขึ้น เพราะเซลล์ผิวที่ตายแล้วจะหลุดลอกออกไป ซึ่งหากไม่สครับหน้าก็จะเกิดปัญหาผิวไม่สม่ำเสมอ ทำให้รองพื้นไม่ติดผิว โดยควรเลือกเป็นสครับเม็ดเล็กๆ สำหรับผิวหน้าโดยตรง หรือจะเป็นสครับมะขามที่ช่วยให้หน้าดูไบร์ทขึ้นด้วยก็ได้ หมั่นบำรุงอย่าให้ผิวขาดน้ำ ห้ามปล่อยให้ผิวหน้าแห้ง หรือขาดการบำรุงเด็ดขาด โดยควรทาครีมให้เหมาะกับสภาพผิวเป็นประจำทุกวัน ถ้าเป็นไปได้ควรมาสก์หน้าด้วย เพื่อเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวอย่างเข้มข้น จะช่วยทำให้แต่งหน้าติดง่ายขึ้นมาก เลือกใช้รองพื้นเนื้อซาติน รองพื้นที่เป็นเนื้อซาติน จะไม่ทำให้หน้ามันเยิ้ม และไม่แห้งจนเกินไป สำหรับคนหน้ามัน หากใช้คู่กับไพรเมอร์คุมมันด้วยก็จะช่วยได้มาก และสำหรับคนหน้าแห้ง ถ้ารองพื้นเนื้อซาตินยังไม่ชุ่มชื้นพอ อาจผสมครีมบำรุงเข้าไปเล็กน้อยด้วยก็ได้ แต่อย่าให้มากเกินไป ไม่เช่นนั้นจะทำให้รองพื้นหลุดง่าย ไม่เกาะผิว การใช้รองพื้นเนื้อซาตินยังจะทำให้ผิวดูสวยแบบมีสุขภาพดีอีกด้วย ลงไพรเมอร์ช่วย สำหรับคนที่แต่งหน้าไม่ค่อยติด ตัวช่วยสำคัญก่อนแต่งหน้าคือการลงไพรเมอร์ เพราะตัวไพรเมอร์เองจะมีเนื้อเนียนช่วยปิดรูขุมขน และทำให้ผิวเรียบขึ้นได้ ทั้งยังช่วยทำให้รองพื้นเกาะผิวได้ดี และติดทนมากขึ้นด้วย ฉะนั้นก่อนแต่งหน้าทุกครั้ง แนะนำให้คนที่มีปัญหารองพื้นไม่เกาะผิว ลงไพรเมอร์บางๆ ก่อน แล้วเกลี่ยให้เนียน โดยเน้นในจุดที่ต้องการให้รองพื้นแน่นเป็นพิเศษ เท่านี้ก็ได้ผลดีขึ้นทันตาแล้ว              

Read More

ช่วงอายุกับการทำศัลยกรรม

ช่วงอายุกับการทำศัลยกรรม

            สมัยนี้ใครอยากสวยแค่ไหนก็สามารถเนรมิตได้ด้วยการทำ “ศัลยกรรม” แต่ทั้งนี้ก่อนทำศัลยกรรม ควรแน่ใจก่อนว่า ช่วงอายุของเรานั้นเหมาะสมที่จะทำศัลยกรรมได้แล้วจริงๆ โดยเฉพาะน้องๆ วัยรุ่น เรื่องนี้ถือเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะผลลัพธ์ที่ได้อาจไม่เป็นอย่างที่หวัง เนื่องจากร่างกายของวัยรุ่นนั้นยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ หากทำไปแล้วผลที่ได้จะไม่คงที่ ยังอาจเปลี่ยนแปลงได้อีกในอนาคต และนั่นอาจส่งผลเสียจนทำให้รูปร่างหน้าตาบิดเบี้ยวไม่เข้ารูปได้ ดังนั้นก่อนคิดที่จะสวยมีดหมอ ลองมาเช็กกันดูสิว่าช่วงอายุเท่าไรเหมาะที่จะทำศัลยกรรมประเภทไหนได้บ้าง ศัลยกรรมจมูกการทำศัลยกรรมจมูก หากทำในช่วงอายุที่ยังน้อยๆ จะทำออกมาแล้วสวยงามได้รูปกว่าอายุมาก ซึ่งช่วงอายุที่เหมาะสมก็คือตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป เพราะถือว่าอยู่ในวัยที่จมูกพัฒนาเต็มที่แล้ว ศัลยกรรมตาการทำศัลยกรรมตานั้นมีหลายแบบ ถ้าหากทำศัลยกรรมตาสองชั้น อายุที่เหมาะสมก็คือ 18 ปีขึ้นไป หรือถ้าเป็นการผ่าตัดถุงใต้ตา ช่วงอายุที่เหมาะสมก็คือ 19 ปีขึ้นไป หรือสาวรุ่นใหญ่ที่เริ่มมีรอยย่น และอยากจะทำศัลยกรรมลบรอยย่นรอบดวงตา ก็สามารถทำได้ตั้งแต่อายุ 45 ปีขึ้นไป ศัลยกรรมปากการศัลยกรรมปาก ทุกวันนี้กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก ทั้งการทำปากบางและปากกระจับ ซึ่งสามารถทำได้ตั้งแต่อายุ 18 ปีขึ้นไป แต่ทั้งนี้ถ้าจะให้เหมาะสมจริงๆ ควรทำในช่วงอายุตั้งแต่ 37 ปี แต่ก็ไม่ควรเกิน 45 ปี เพราะเมื่ออายุมาก ปากจะตกตามธรรมชาติ จึงอาจจะทำออกมาแล้วไม่สวยได้ ศัลยกรรมคางการศัลยกรรมเสริมคาง และเหลากราม

Read More

ทำอย่างไรให้ “รอยแผลเป็น” ดูจางและเล็กลงได้

ทำอย่างไรให้ “รอยแผลเป็น” ดูจางและเล็กลงได้

                เชื่อเหลือกเกินว่าใครๆ ก็ย่อมจะอยากให้ผิวพรรณของตัวเองดูสวยเรียบเนียน ฉะนั้น รอยแผลเป็น ไม่ว่าจะแผลเล็กหรือแผลใหญ่ ก็คงไม่ค่อยจะเป็นที่ปรารถนากันเท่าไหร่นัก เพราะมันทำให้ผิวดูไม่สวยงาม แถมยังต้องเสียเวลาในการหาวิธีปกปิด อีกทั้งการจะทำให้รอยแผลเป็นนั้นจางหรือเล็กลงก็ต้องใช้เวลานาน วันนี้เราจึงมีวิธีแก้ไขปัญหารอยแผลเป็นมาแนะนำ จะมีอะไรบ้าง มาดูกันเลย ใช้ยารักษาแผลชนิดครีมหรือเจลวิธีง่ายที่สุดที่พอจะช่วยได้ คือ การใช้สกินแคร์ หรือผลิตภัณฑ์ลดรอยแผลเป็นตามร้านขายยา โดยจะเป็นเนื้อครีมหรือเจลก็ได้ หากแผลเป็นนั้นคันหรือแพ้ง่าย ครีมที่มีสรรพคุณต่อต่านฮีสตามีน และมี Corticosteroid สามารถช่วยทำให้แผลเป็นจางลงได้ แถมยังมีคุณสมบัติช่วยลดอาการบวม อักเสบ อีกทั้งยังช่วยให้แผลเป็นที่แข็ง นุ่มลงได้ เพียงแค่ทาและนวดเบาๆ เป็นประจำ ทั้งตรงแผลและบริเวณโดยรอบ ใช้ซิลิโคนเจลซิลิโคนเจล มีข้อดีคือ สามารถซึมและกระจายตัวได้ง่าย แห้งเร็ว ไม่ระคายเคืองแม้กับผิวที่บอบบาง และยังช่วยป้องกันการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ยิ่งไปกว่านั้นซิลิโคนเจลจะช่วยให้ผิวชุ่มชื้น เหมือนให้ผิวได้หายใจ โดยมีงานวิจัยที่ชี้ว่า ผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ช่วยลดรอยแผลเป็น สีของแผล และความนูนของแผลให้ยุบลงได้ แต่มีข้อควรระวังคือ ควรทาเจลและทิ้งไว้ให้แห้งสนิทก่อนสวมใส่เสื้อผ้า กินอาหารเสริมที่มีแร่ Zincแร่ Zinc หรือ สังกะสี เป็นแร่ธาตุที่มีความสำคัญต่อการรักษาแผลโดยตรง เพราะจะช่วยลดการอักเสบ และสร้างการเจริญเติบโตของเซลล์ ซึ่งจะช่วยให้รอยแผลเป็นหายเร็วขึ้น แต่ไม่ควรกินในปริมาณที่มากเกินไป เพราะอาจทำให้ท้องอืดหรือท้องเสีย

Read More

เนื้อลิปสติกมีกี่แบบ

เนื้อลิปสติกมีกี่แบบ

เครื่องสำอางชิ้นหนึ่ง ที่คุณสาวๆ จะต้องมีติดตัวไว้เป็นประจำ นั่นก็คือ “ลิปสติก”  ซึ่งบางคนอาจจะมีมากเป็นหลายสิบแท่งเลยทีเดียว ก็สีสันในโลกนี้มันมีตั้งมากมาย เสื้อผ้าในตู้ก็มีตั้งหลายสี จะให้มีสิปสติกแค่สีเดียวได้ยังไงกันล่ะ จริงไหม? แต่สาวๆ รู้ไหม ว่าลิปสติกที่มีให้เลือกซื้อกันอยู่ในทุกวันนี้ มันมีเนื้อตั้งหลายแบบนะ แล้วจะรู้ได้ยังไงล่ะว่า ลิปสติกเนื้อแบบไหนที่เหมาะกับเรากันแน่ วันนี้เราเลยจะพาไปทำความรู้จักลิปสติกแบบต่างๆ ให้มากขึ้น มาดูกันเลยดีกว่า ลิปสติกเนื้อครีมลักษณะเนื้อจะเป็นครีมเนียนนุ่ม อัดแน่นไปด้วยเม็ดสี ทาแล้วจะเห็นสีสันชัดเจน ติดทนนาน และไม่ทำให้ปากแห้ง เหมาะกับคนที่มีริมฝีปากสวยได้รูป ทาแล้วจะช่วยให้ปากดูอวบอิ่มมากขึ้น ไม่เหมาะกับคนที่ปากหนา เพราะจะยิ่งเน้นให้ปากดูหนามากกว่าเดิม ลิปสติกเนื้อเชียร์และซาตินเป็นลิปสติกคล้ายๆ กับชนิดเนื้อครีม แต่จะมีเม็ดสีที่บางเบากว่า และไม่มันวาวมาก เมื่ออยู่ในแท่งอาจดูสีเข้ม แต่เวลาทาจริง สีที่ได้จะอ่อนลง เหมาะกับคนที่ไม่ชอบทาลิปสติกสีจัด และอยากให้ริมฝีปากดูเนียนสวยอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งสามารถทาทับได้หลายครั้งโดยไม่เป็นคราบ ลิปสติกเนื้อแมตต์ลักษณะเนื้อจะมีความเข้มข้น และสีชัดมากที่สุด แต่เนื้อจะด้าน ขาดความมันวาว และติดทนนาน แต่ด้วยความที่เป็นลิปสติกไร้ความมันวาว จึงทำให้ริมฝีปากแห้งได้ง่าย จึงไม่ค่อยเหมาะกับคนที่มีปัญหาปากแห้งอยู่แล้ว เพราะจะทำให้ตกร่องและเป็นคราบ แต่ก็สามารถแก้ปัญหาได้ ด้วยการทาลิปบาล์มเพื่อให้ปากความชุ่มชื้นเสียก่อน ลิปสติกเนื้อมันวาวเป็นลิปสติกที่มีส่วนผสมของกลิตเตอร์นิดๆ จึงมีความมันวาวแบบกลอสซี่ เมื่อทาแล้วจะทำให้ริมฝีปากดูอวบอิ่ม เนียนสวย และชุ่มชื้นมาก ลิปบาล์มหรือลิปมัน

Read More

ปากดำ ต้องทาลิปสติกยังไงถึงจะออกมาสวย

ปากดำ ต้องทาลิปสติกยังไงถึงจะออกมาสวย

                  ถ้าเลือกได้ ใครๆ  คงอยากมีริมฝีปากเป็นสีแดง หรือไม่ก็ชมพูระเรื่อดูสุขภาพดี แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีสีปากสวยๆ ได้ตามใจฝัน บางคนมีริมฝีปากสีคล้ำเองจากกรรมพันธุ์ ส่วนบางคนก็ปากคล้ำเพราะสาเหตุบางอย่าง แต่ไม่ว่าจะด้วยอะไรก็ตาม ปากดำๆ ก็ทำเอาหลายคนขาดความมั่นใจได้มากเหมือนกัน เพราะจะทาลิปสติกสีไหน ก็ออกมาไม่ตรงตามสีที่ต้องการ แล้วจะมีวิธีช่วยให้คนปากดำทาลิปสติกได้สวยบ้างไหม บอกเลยว่ามีแน่นอน เพียงแค่ทำตามขั้นตอนดังนี้ เตรียมริมฝีปากให้ชุ่มชื้นถือเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะริมฝีปากที่ชุ่มชื้นและเรียบเนียนจะทำให้สามารถทาลิปสติกได้สวย โดยเริ่มจากการใช้แปรงสีฟันขนนุ่มแตะน้ำพอหมาดๆ แล้วขัดบนริมฝีปากอย่างเบามือ จากนั้นก็ซับให้แห้ง แล้วทาลิปบาล์มเพื่อบำรุงให้ปากนุ่ม ทาคอนซีลเลอร์เพื่อปรับสีผิวใครว่าคอนซีลเลอร์มีไว้เพื่อปกปิดรอยคล้ำบนผิวหน้าเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้กับริมฝีปากเพื่อให้สีลิปสติกเด่นชัดขึ้นได้อีกด้วย โดยให้แต้มคอนซีลเลอร์บางๆ ลงบนริมฝีปาก แล้วใช้แปรงเกลี่ยให้เนียน ถ้าปากดำมากก็ให้แต้มเยอะหน่อย ควรเลือกสีคอนซีลเลอร์ให้เข้ากับสีผิวและสีปาก อย่าให้เข้มไป หรืออ่อนเกินไป วิธีนี้นอกจากจะช่วยให้สีลิปสติกสวยชัดแล้ว ยังทำให้ลิปติดทนด้วยนะ ใช้ลิปไลเนอร์สร้างรูปปากลิปไลเนอร์นอกจากจะใช้วาดรูปปากให้สวยได้แล้ว ยังป้องกันไม่ให้ลิปสติกเลอะเทอะ โดยให้วาดบริเวณขอบปาก จะให้พอดีกับรูปปากหรือเกินขอบปากเล็กน้อยก็ได้ ต้องการทาลิปสติกสีไหน ก็ให้เลือกลิปไลเนอร์สีที่ใกล้เคียงกัน ลงลิปสติกสีที่ต้องการเมื่อวาดรูปปากได้สวยจนเป็นพอใจแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็ให้ทาลิปสติกสีต้องการลงไปให้เต็มริมฝีปาก โดยอาจจะเลือกลิปสติกเนื้อแมทท์เพื่อให้สดชัดและติดทนนาน แต่ถ้ากลัวปากแห้งก็ให้เลือกลิปสติกเนื้อครีมซึ่งจะให้ความชุ่มชื้นมากกว่า แตะลิปกลอสและสำหรับใครที่อยากให้ริมฝีปากดูอวบอิ่มขึ้นไปอีกขั้น ก็ให้แตะลิปกลอสบางๆ ลงบนริมฝีปาก วิธีนี้จะช่วยสร้างมิติให้ปากดูอวบสวยยิ่งขึ้น แต่ถ้าไม่อยากรู้สึกเหนอะหนะ จะแต้มไฮไลท์ลงไปแทนก็ได้                ได้รู้วิธีทาลิปสติกให้ได้สีสวยๆ กันไปแล้ว ก็อย่าลืมบำรุงให้ริมฝีปากให้เนียนนุ่ม และกลับมาสีสวยอมชมพู

Read More