ช่วงอายุกับการทำศัลยกรรม

ช่วงอายุกับการทำศัลยกรรม

            สมัยนี้ใครอยากสวยแค่ไหนก็สามารถเนรมิตได้ด้วยการทำ “ศัลยกรรม” แต่ทั้งนี้ก่อนทำศัลยกรรม ควรแน่ใจก่อนว่า ช่วงอายุของเรานั้นเหมาะสมที่จะทำศัลยกรรมได้แล้วจริงๆ โดยเฉพาะน้องๆ วัยรุ่น เรื่องนี้ถือเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะผลลัพธ์ที่ได้อาจไม่เป็นอย่างที่หวัง เนื่องจากร่างกายของวัยรุ่นนั้นยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ หากทำไปแล้วผลที่ได้จะไม่คงที่ ยังอาจเปลี่ยนแปลงได้อีกในอนาคต และนั่นอาจส่งผลเสียจนทำให้รูปร่างหน้าตาบิดเบี้ยวไม่เข้ารูปได้ ดังนั้นก่อนคิดที่จะสวยมีดหมอ ลองมาเช็กกันดูสิว่าช่วงอายุเท่าไรเหมาะที่จะทำศัลยกรรมประเภทไหนได้บ้าง ศัลยกรรมจมูกการทำศัลยกรรมจมูก หากทำในช่วงอายุที่ยังน้อยๆ จะทำออกมาแล้วสวยงามได้รูปกว่าอายุมาก ซึ่งช่วงอายุที่เหมาะสมก็คือตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป เพราะถือว่าอยู่ในวัยที่จมูกพัฒนาเต็มที่แล้ว ศัลยกรรมตาการทำศัลยกรรมตานั้นมีหลายแบบ ถ้าหากทำศัลยกรรมตาสองชั้น อายุที่เหมาะสมก็คือ 18 ปีขึ้นไป หรือถ้าเป็นการผ่าตัดถุงใต้ตา ช่วงอายุที่เหมาะสมก็คือ 19 ปีขึ้นไป หรือสาวรุ่นใหญ่ที่เริ่มมีรอยย่น และอยากจะทำศัลยกรรมลบรอยย่นรอบดวงตา ก็สามารถทำได้ตั้งแต่อายุ 45 ปีขึ้นไป ศัลยกรรมปากการศัลยกรรมปาก ทุกวันนี้กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก ทั้งการทำปากบางและปากกระจับ ซึ่งสามารถทำได้ตั้งแต่อายุ 18 ปีขึ้นไป แต่ทั้งนี้ถ้าจะให้เหมาะสมจริงๆ ควรทำในช่วงอายุตั้งแต่ 37 ปี แต่ก็ไม่ควรเกิน 45 ปี เพราะเมื่ออายุมาก ปากจะตกตามธรรมชาติ จึงอาจจะทำออกมาแล้วไม่สวยได้ ศัลยกรรมคางการศัลยกรรมเสริมคาง และเหลากราม

Read More

ทำอย่างไรให้ “รอยแผลเป็น” ดูจางและเล็กลงได้

ทำอย่างไรให้ “รอยแผลเป็น” ดูจางและเล็กลงได้

                เชื่อเหลือกเกินว่าใครๆ ก็ย่อมจะอยากให้ผิวพรรณของตัวเองดูสวยเรียบเนียน ฉะนั้น รอยแผลเป็น ไม่ว่าจะแผลเล็กหรือแผลใหญ่ ก็คงไม่ค่อยจะเป็นที่ปรารถนากันเท่าไหร่นัก เพราะมันทำให้ผิวดูไม่สวยงาม แถมยังต้องเสียเวลาในการหาวิธีปกปิด อีกทั้งการจะทำให้รอยแผลเป็นนั้นจางหรือเล็กลงก็ต้องใช้เวลานาน วันนี้เราจึงมีวิธีแก้ไขปัญหารอยแผลเป็นมาแนะนำ จะมีอะไรบ้าง มาดูกันเลย ใช้ยารักษาแผลชนิดครีมหรือเจลวิธีง่ายที่สุดที่พอจะช่วยได้ คือ การใช้สกินแคร์ หรือผลิตภัณฑ์ลดรอยแผลเป็นตามร้านขายยา โดยจะเป็นเนื้อครีมหรือเจลก็ได้ หากแผลเป็นนั้นคันหรือแพ้ง่าย ครีมที่มีสรรพคุณต่อต่านฮีสตามีน และมี Corticosteroid สามารถช่วยทำให้แผลเป็นจางลงได้ แถมยังมีคุณสมบัติช่วยลดอาการบวม อักเสบ อีกทั้งยังช่วยให้แผลเป็นที่แข็ง นุ่มลงได้ เพียงแค่ทาและนวดเบาๆ เป็นประจำ ทั้งตรงแผลและบริเวณโดยรอบ ใช้ซิลิโคนเจลซิลิโคนเจล มีข้อดีคือ สามารถซึมและกระจายตัวได้ง่าย แห้งเร็ว ไม่ระคายเคืองแม้กับผิวที่บอบบาง และยังช่วยป้องกันการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ยิ่งไปกว่านั้นซิลิโคนเจลจะช่วยให้ผิวชุ่มชื้น เหมือนให้ผิวได้หายใจ โดยมีงานวิจัยที่ชี้ว่า ผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ช่วยลดรอยแผลเป็น สีของแผล และความนูนของแผลให้ยุบลงได้ แต่มีข้อควรระวังคือ ควรทาเจลและทิ้งไว้ให้แห้งสนิทก่อนสวมใส่เสื้อผ้า กินอาหารเสริมที่มีแร่ Zincแร่ Zinc หรือ สังกะสี เป็นแร่ธาตุที่มีความสำคัญต่อการรักษาแผลโดยตรง เพราะจะช่วยลดการอักเสบ และสร้างการเจริญเติบโตของเซลล์ ซึ่งจะช่วยให้รอยแผลเป็นหายเร็วขึ้น แต่ไม่ควรกินในปริมาณที่มากเกินไป เพราะอาจทำให้ท้องอืดหรือท้องเสีย

Read More

เนื้อลิปสติกมีกี่แบบ

เนื้อลิปสติกมีกี่แบบ

เครื่องสำอางชิ้นหนึ่ง ที่คุณสาวๆ จะต้องมีติดตัวไว้เป็นประจำ นั่นก็คือ “ลิปสติก”  ซึ่งบางคนอาจจะมีมากเป็นหลายสิบแท่งเลยทีเดียว ก็สีสันในโลกนี้มันมีตั้งมากมาย เสื้อผ้าในตู้ก็มีตั้งหลายสี จะให้มีสิปสติกแค่สีเดียวได้ยังไงกันล่ะ จริงไหม? แต่สาวๆ รู้ไหม ว่าลิปสติกที่มีให้เลือกซื้อกันอยู่ในทุกวันนี้ มันมีเนื้อตั้งหลายแบบนะ แล้วจะรู้ได้ยังไงล่ะว่า ลิปสติกเนื้อแบบไหนที่เหมาะกับเรากันแน่ วันนี้เราเลยจะพาไปทำความรู้จักลิปสติกแบบต่างๆ ให้มากขึ้น มาดูกันเลยดีกว่า ลิปสติกเนื้อครีมลักษณะเนื้อจะเป็นครีมเนียนนุ่ม อัดแน่นไปด้วยเม็ดสี ทาแล้วจะเห็นสีสันชัดเจน ติดทนนาน และไม่ทำให้ปากแห้ง เหมาะกับคนที่มีริมฝีปากสวยได้รูป ทาแล้วจะช่วยให้ปากดูอวบอิ่มมากขึ้น ไม่เหมาะกับคนที่ปากหนา เพราะจะยิ่งเน้นให้ปากดูหนามากกว่าเดิม ลิปสติกเนื้อเชียร์และซาตินเป็นลิปสติกคล้ายๆ กับชนิดเนื้อครีม แต่จะมีเม็ดสีที่บางเบากว่า และไม่มันวาวมาก เมื่ออยู่ในแท่งอาจดูสีเข้ม แต่เวลาทาจริง สีที่ได้จะอ่อนลง เหมาะกับคนที่ไม่ชอบทาลิปสติกสีจัด และอยากให้ริมฝีปากดูเนียนสวยอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งสามารถทาทับได้หลายครั้งโดยไม่เป็นคราบ ลิปสติกเนื้อแมตต์ลักษณะเนื้อจะมีความเข้มข้น และสีชัดมากที่สุด แต่เนื้อจะด้าน ขาดความมันวาว และติดทนนาน แต่ด้วยความที่เป็นลิปสติกไร้ความมันวาว จึงทำให้ริมฝีปากแห้งได้ง่าย จึงไม่ค่อยเหมาะกับคนที่มีปัญหาปากแห้งอยู่แล้ว เพราะจะทำให้ตกร่องและเป็นคราบ แต่ก็สามารถแก้ปัญหาได้ ด้วยการทาลิปบาล์มเพื่อให้ปากความชุ่มชื้นเสียก่อน ลิปสติกเนื้อมันวาวเป็นลิปสติกที่มีส่วนผสมของกลิตเตอร์นิดๆ จึงมีความมันวาวแบบกลอสซี่ เมื่อทาแล้วจะทำให้ริมฝีปากดูอวบอิ่ม เนียนสวย และชุ่มชื้นมาก ลิปบาล์มหรือลิปมัน

Read More

ปากดำ ต้องทาลิปสติกยังไงถึงจะออกมาสวย

ปากดำ ต้องทาลิปสติกยังไงถึงจะออกมาสวย

                  ถ้าเลือกได้ ใครๆ  คงอยากมีริมฝีปากเป็นสีแดง หรือไม่ก็ชมพูระเรื่อดูสุขภาพดี แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีสีปากสวยๆ ได้ตามใจฝัน บางคนมีริมฝีปากสีคล้ำเองจากกรรมพันธุ์ ส่วนบางคนก็ปากคล้ำเพราะสาเหตุบางอย่าง แต่ไม่ว่าจะด้วยอะไรก็ตาม ปากดำๆ ก็ทำเอาหลายคนขาดความมั่นใจได้มากเหมือนกัน เพราะจะทาลิปสติกสีไหน ก็ออกมาไม่ตรงตามสีที่ต้องการ แล้วจะมีวิธีช่วยให้คนปากดำทาลิปสติกได้สวยบ้างไหม บอกเลยว่ามีแน่นอน เพียงแค่ทำตามขั้นตอนดังนี้ เตรียมริมฝีปากให้ชุ่มชื้นถือเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะริมฝีปากที่ชุ่มชื้นและเรียบเนียนจะทำให้สามารถทาลิปสติกได้สวย โดยเริ่มจากการใช้แปรงสีฟันขนนุ่มแตะน้ำพอหมาดๆ แล้วขัดบนริมฝีปากอย่างเบามือ จากนั้นก็ซับให้แห้ง แล้วทาลิปบาล์มเพื่อบำรุงให้ปากนุ่ม ทาคอนซีลเลอร์เพื่อปรับสีผิวใครว่าคอนซีลเลอร์มีไว้เพื่อปกปิดรอยคล้ำบนผิวหน้าเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้กับริมฝีปากเพื่อให้สีลิปสติกเด่นชัดขึ้นได้อีกด้วย โดยให้แต้มคอนซีลเลอร์บางๆ ลงบนริมฝีปาก แล้วใช้แปรงเกลี่ยให้เนียน ถ้าปากดำมากก็ให้แต้มเยอะหน่อย ควรเลือกสีคอนซีลเลอร์ให้เข้ากับสีผิวและสีปาก อย่าให้เข้มไป หรืออ่อนเกินไป วิธีนี้นอกจากจะช่วยให้สีลิปสติกสวยชัดแล้ว ยังทำให้ลิปติดทนด้วยนะ ใช้ลิปไลเนอร์สร้างรูปปากลิปไลเนอร์นอกจากจะใช้วาดรูปปากให้สวยได้แล้ว ยังป้องกันไม่ให้ลิปสติกเลอะเทอะ โดยให้วาดบริเวณขอบปาก จะให้พอดีกับรูปปากหรือเกินขอบปากเล็กน้อยก็ได้ ต้องการทาลิปสติกสีไหน ก็ให้เลือกลิปไลเนอร์สีที่ใกล้เคียงกัน ลงลิปสติกสีที่ต้องการเมื่อวาดรูปปากได้สวยจนเป็นพอใจแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็ให้ทาลิปสติกสีต้องการลงไปให้เต็มริมฝีปาก โดยอาจจะเลือกลิปสติกเนื้อแมทท์เพื่อให้สดชัดและติดทนนาน แต่ถ้ากลัวปากแห้งก็ให้เลือกลิปสติกเนื้อครีมซึ่งจะให้ความชุ่มชื้นมากกว่า แตะลิปกลอสและสำหรับใครที่อยากให้ริมฝีปากดูอวบอิ่มขึ้นไปอีกขั้น ก็ให้แตะลิปกลอสบางๆ ลงบนริมฝีปาก วิธีนี้จะช่วยสร้างมิติให้ปากดูอวบสวยยิ่งขึ้น แต่ถ้าไม่อยากรู้สึกเหนอะหนะ จะแต้มไฮไลท์ลงไปแทนก็ได้                ได้รู้วิธีทาลิปสติกให้ได้สีสวยๆ กันไปแล้ว ก็อย่าลืมบำรุงให้ริมฝีปากให้เนียนนุ่ม และกลับมาสีสวยอมชมพู

Read More

เคล็ดลับกู้มือเหี่ยว ให้กลับมาสวยเนียนนุ่มเหมือนมือเด็ก

เคล็ดลับกู้มือเหี่ยว ให้กลับมาสวยเนียนนุ่มเหมือนมือเด็ก

                นอกจากการดูแลผิวหน้าและผิวตัว ที่คนเรามักจะให้ความใส่ใจกันมากเป็นพิเศษแล้ว ผิวบริเวณมือก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่ไม่ควรละเลยเช่นกัน เพราะแม้จะหน้าเด็กแค่ไหน แต่ถ้ามือเหี่ยวก็คงจะดูไม่ดีเท่าไหร่ ฉะนั้นจงอย่าปล่อยให้มือต้องแห้งเหี่ยวอย่างเดียวดาย เอาเทคนิคเหล่านี้ไปใช้ให้มือสวยเนียนนุ่ม กลายเป็นมือเด็กอีกครั้งกันดีกว่า ใช้ครีมบำรุงมือโดยเฉพาะหลายคนอาจใช้ครีมทาผิวตัวทาที่บริเวณมือด้วยอยู่แล้ว แต่ถ้าใช้ครีมทามือโดยเฉพาะด้วยก็จะดีกว่า เพราะเป็นการเน้นบำรุงไปที่ริ้วรอยและความหยาบกร้านของมือโดยตรง และควรทาบ่อยๆ ด้วย ยิ่งทาทุกครั้งหลังล้างมือได้ก็จะยิ่งดีมาก ทากันแดดที่มือด้วยนอกจากทาครีมบำรุงมือแล้ว ก็ต้องทากันแดดที่มือด้วยทุกครั้ง เพราะแสงแดดนอกจากจะทำให้มือดำคล้ำแล้ว ก็ยังทำให้มือเหี่ยวเร็วอีกด้วย โดยเฉพาะเวลาออกจากบ้าน เรามักมีพฤติกรรมชอบยกมือขึ้นมาบังแดดที่หน้า ฉะนั้นลองคิดดูซิว่า ถ้าไม่ทากันแดดที่มือ มันจะเกิดอะไรขึ้น ทำพาราฟินมือวิธีการทำพาราฟินมือนั้น เราสามารถทำเองได้ที่บ้าน เพราะมันก็คือการใช้แว็กซ์ (หรือขี้ผึ้งนั่นแหล่ะ) มาละลายให้อุ่นๆ แล้วเอามือของเราค่อยๆ ลงไปจุ่ม ซึ่งความอุ่นของแว็กซ์จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดที่บริเวณมือให้ดีขึ้น เพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ ทั้งยังช่วยบรรเทาอาการนิ้วล็อคได้อีกด้วย และผลที่ตามมาเมื่อมือของเรามีการไหลเวียนเลือดที่ดีขึ้นนั่นก็คือ มันจะทำให้มือนุ่มขึ้นด้วยนั่นเอง ใส่ถุงมือเข้านอนสำหรับใครที่อยากให้มือนุ่มขึ้นไวๆ ให้ทาครีมหรือออยล์ที่ให้ความชุ่มชื้นบริเวณมือ จากนั้นก็ใส่ถุงมือแล้วเข้านอน ใส่ยาวๆ ไปจนถึงเช้าจึงค่อยถอดออก วิธีนี้จะได้การบำรุงที่ล้ำลึก เพราะครีมจะซึมเข้าไปในผิว ไม่หลุดง่าย ตื่นขึ้นมาจะรู้สึกได้ว่ามือนุ่มทันตาเห็นเลยทีเดียว ดูแลเล็บ อย่าปล่อยให้เยินเมื่อดูแลผิวมืออย่างดีแล้ว ก็อย่าลืมดูแลเล็บให้สะอาดสวยงามด้วย อย่าปล่อยให้เล็บสกปรก หรือเยิน ใครชอบทำเล็บ ต่อเล็บ หรือทาสีเล็บ ก็ควรดูแลให้ดี และหาเวลาพักเล็บบ้าง

Read More

ดูแลผิวคอให้ดูอ่อนเยาว์

ดูแลผิวคอให้ดูอ่อนเยาว์

                พอพูดถึงเรื่องความสวยความงาม มั่นใจเลยว่าคนส่วนใหญ่มักใส่ใจกันแต่ใบหน้าและหุ่น แต่ลืมไปว่าอีกอวัยวะหนึ่งที่สำคัญ นั่นก็คือ ลำคอ เพราะมันไม่สามารถปกปิดความร่วงโรยแห่งวัยได้ ต่อให้ผิวหน้าสวยตึงแค่ไหน แต่ถ้าผิวคอเหี่ยวย่นแล้วล่ะก็ จะทำให้ดูมีอายุขึ้นมาทันที วันนี้เราเลยจะมาบอกวิธีดูแลผิวบริเวณคอตามแบบที่ชาวญี่ปุ่นเค้าทำกัน จะมีอะไรบ้าง ลองไปดูกันเลย ใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ดูแลผิวลำคอผิวที่คอนั้นมีความหนาเพียงครึ่งหนึ่งของผิวหน้า ทั้งยังเป็นบริเวณที่เหงื่อออกเยอะ และผิวแห้งง่าย ฉะนั้นวิธีการป้องกันคอไม่ให้เหี่ยวย่นก็คือ การบำรุงด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์ ซึ่งอาจเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับคอโดยตรง หรือครีมที่ใช้ทาหน้าก็ได้ หลีกเลี่ยงรังสียูวีรังสียูวีไม่เพียงจะเป็นสาเหตุของการเกิดฝ้าบนผิวหน้าเท่านั้น แต่ยังส่งผลลึกเข้าไปในเซลล์ผิว แล้วทำลายคอลลาเจนและอีลาสติน ซึ่งส่งผลให้เกิดการหย่อยคล้อยและรอยเหี่ยวย่นที่ผิวหนังบริเวณคอได้ด้วย ฉะนั้นต้องไม่ลืมการทาครีมกันแดดที่คอด้วย บริหารกล้ามเนื้อคอริ้วรอยที่คออาจไม่หายไปง่ายๆ ด้วยการการทาครีมบำรุงผิว ซึ่งการบริหารกล้ามเนื้อคอจะช่วยลดและป้องกันการหย่อยคล้อยของคอได้ กินอาหารที่อุดมไปด้วยโอเมก้า 3เป็นที่รู้กันดีว่ากรดไขมันโอเมก้า 3 นั้นมีประโยชน์ในเรื่องของความงาม เพราะช่วยสร้างคอลลาเจนซึ่งสำคัญต่อความแข็งแรงของผิว การกินอาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 โดยเฉพาะในอาหารมื้อค่ำจะช่วยให้กระบวนการซ่อมแซมเซลล์ผิวของคนเราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในขณะนอนหลับ ซึ่งอาหารที่อุดมไปด้วยโอเมก้า 3 ได้แก่ ปลาสีน้ำเงินทั้งหลายอย่าง ปลาแมคเคอเรล ปลาซาร์ดีน และปลาซันมะ รวมถึงน้ำมันงา และเมล็ดเจียด้วย                 คนเราเมื่ออายุมากขึ้น การมีริ้วรอยบ้างถือเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่ริ้วรอยที่ลำคอหากเหี่ยวย่นก็จะบ่งบอกถึงความสูงวัยได้อย่างชัดเจน เราจึงต้องหมั่นส่องกระจก และดูแลไม่ให้เกิดริ้วรอยที่มากหรือลึกจนยากจะแก้ไข นอกจากนี้ บุคลิกท่าทาง การก้ม เงย

Read More

วิธีช่วยทำให้หน้าอกใหญ่ โดยไม่ต้องศัลยกรรม

วิธีช่วยทำให้หน้าอกใหญ่ โดยไม่ต้องศัลยกรรม

                ปัญหา หน้าอกเล็ก สำหรับผู้หญิงบางคนแล้ว มันถือเป็นเรื่องใหญ่พอสมควรเลยล่ะ ยิ่งเวลาแต่งตัวแล้วมองด้านหน้าหรือด้านหลังก็ดูราบเรียบเท่ากันหมดจนโดนล้อเป็นไม้กระดานนี่ยิ่งเจ็บจี๊ดเลย แถมยังเสียเซลฟ์อีกด้วย ซึ่งการจะอัปไซส์เพิ่มความอึ๋มในยุคนี้ หลายคนก็นิยมไปศัลยกรรมหน้าอก แต่ถ้าใครที่ไม่อยากเจ็บตัวหรือเสียเงินแพงๆ เราก็พอจะมีวิธีที่ไม่พึ่งศัลยกรรมมาแนะนำ นวดกระตุ้นการนวดหน้าอก นอกจากจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดได้แล้ว ยังช่วยพัฒนาต่อมเต้านม จึงเสริมให้หน้าอกขยายขึ้นได้ วิธีการคือ ใช้นิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนาง กดจุดต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ใต้รักแร้ 3 ครั้งก่อน เพื่อให้เลือดไหลเวียนสะดวก จากนั้นนวดรอบเต้าเบาๆ วนจากนอกเข้าใน พออยู่ตรงใต้หน้าอกก็ช้อนขึ้น ทำสลับข้างกัน ข้างละ 20 รอบ อาจใช้ครีมที่มีส่วนผสมของกวาวเครือขาวมานวดด้วยก็ได้ ออกกำลังกายบริหารหน้าอกสำหรับคนที่มีหน้าอกเล็กและต้องการอัปไซส์ให้ใหญ่ขึ้น ให้ออกกำลังกายที่เน้นช่วงหน้าอก เช่น ท่าวิดพื้น ท่าดันกำแพง หรือท่าแพลงก์ ทำทุกวันวันละ 20 เซต จะช่วยสร้างกล้ามเนื้อใต้อก เสริมฐานอกให้ขยายใหญ่ขึ้น ทั้งยังได้ความกระชับ ดีทั้งต่อสาวๆ ที่มีหน้าอกเล็กและหย่อนคล้อย ไอเทมดันทรงถ้าระหว่างที่กำลังทำตามวิธีข้างต้นแล้วยังไม่อึ๋มทันใจ จะเลือกวิธีเสริมฟองน้ำ หรือใส่บราแบบดันทรงไปพลางๆ ก่อนก็ได้ ถือเป็นเคล็ดลับง่ายๆ ที่นิยมมากที่สุด แต่ทั้งนี้ควรเลือกขนาดบราที่เหมาะสมด้วย นอกจากนี้ยังมีไอเทมอื่นๆ ที่น่าสนใจอย่าง ซิลิโคน

Read More

“คอนซีลเลอร์” อีกหนึ่งไอเทมที่ผู้หัดแต่งหน้าควรรู้

“คอนซีลเลอร์” อีกหนึ่งไอเทมที่ผู้หัดแต่งหน้าควรรู้

                  คอนซีลเลอร์ ตัวช่วยสุดมหัศจรรย์ ที่จะทำให้การแต่งหน้าสวย เนียนกริบ และดูไร้จุดบกพร่อง แถมยังใช้งานไม่ยากอีกด้วย จึงนับเป็นไอเทมที่ช่างแต่งหน้ารู้จักกันดี เพราะมันแสนจะมีประโยชน์ และขาดไม่ได้เลย ทั้งการแต่งหน้าแบบเบาๆ และการแต่งหน้าแบบจัดเต็ม สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งหัดแต่งหน้าและยังสงสัยว่าสิ่งนี้คืออะไร? วันนี้เราจะพาไปรู้จักกับ คอนซีลเลอร์ กันให้มากขึ้น ข้อแตกต่างระหว่าง ไพรเมอร์ รองพื้น และ คอนซีลเลอร์                   เรื่องนี้เป็นเรื่องที่นักแต่งหน้ามือใหม่สับสนกันมากที่สุด เพราะทั้ง 3 ไอเทมต่างก็มีหน้าที่ปกปิดริ้วรอยเช่นเดียวกัน แต่ก็มีความแตกต่างในการใช้งาน นั่นคือ ไพรเมอร์ จะถูกทาลงบนผิวเป็นขั้นตอนแรกของการแต่งหน้าเสมอ หลังจากทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ โดยไพรเมอร์จะช่วยลบเลือนริ้วรอยเบื้องต้น ด้วยเทคนิคการกระจายแสง อีกทั้งยังช่วยให้สีผิวดูสม่ำเสมอ และทำให้รองพื้นเกาะติดแน่นขึ้นอีกด้วย ดังนั้นไพรเมอร์จึงเน้นการเบลอผิว แต่ไม่ใช่ปกปิดริ้วรอย รองพื้น เป็นเครื่องสำอางที่ช่วยสร้างผิวให้เนียบกริบไร้ริ้วรอย และกลบสิ่งที่ไพรเมอร์ไม่สามารถกลบมิด แต่จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับชนิดของรองพื้นว่าสามารถปกปิดได้ระดับใด คอนซีลเลอร์ จะมีเม็ดสีที่เข้มข้นกว่าไพรเมอร์และรองพื้น รวมทั้งมีเนื้อครีมที่หนักกว่า ใช้สำหรับปกปิดริ้วรอยเฉพาะจุด ที่มีความเข้มจนไม่สามารถปกปิดด้วยรองพื้นได้ ความสามารถอันโดดเด่นของคอนซีลเลอร์              ไม่ใช่แค่การปกปิดสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอเท่านั้น แต่ คอนซีลเลอร์ ยังสามารถใช้ปกปิดรอยคล้ำใต้ตาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้การแต่งหน้าดูดีไร้ที่ติมากขึ้น โดยควรเลือกสีที่ใกล้เคียงกับผิวของเรามากที่สุด            

Read More

อายแชโดว์แบบไหนทำให้ดวงตาสวยโดดเด่นมากที่สุด

อายแชโดว์แบบไหนทำให้ดวงตาสวยโดดเด่นมากที่สุด

                อายแชโดว์ นับเป็นไอเทมชิ้นสำคัญ ที่จะช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับดวงตาของคนเรา ทำให้สาวๆ สามารถแต่งตาออกมาได้หลายลุคโดยไม่ซ้ำกันเลย แถมยังมีหลายเฉดสี และหลายเนื้อสัมผัสให้เลือกใช้ ว่าแต่แบบไหนกันนะ ที่จะช่วยให้ดวงตาดูสวยโดดเด่นน่ามองมากที่สุด วันนี้เรามีคำตอบมาให้แล้ว เนื้อสัมผัสของอายแชโดว์ แบบ Shimmerเป็นเนื้อที่มีกากเพชรละเอียดๆ อยู่ภายใน ทำให้ดูแวววาว มีทั้งที่ใส่ Shimmer แน่น ๆ และที่ใส่บางๆ ซึ่งก็จะให้ลุคที่แตกต่างกัน ช่วยเสริมดวงตาให้ดูมันวาวโดดเด่นมีมิติ โดยเจ้า Shimmer เล็กๆ นั้นจะเล่นกับแสง และช่วยดึงดูดสายตาได้เป็นอย่างดี แบบ Glitterเป็นเนื้อที่คล้ายกับ Shimmer แต่ตัวกากเพชรจะมีขนาดใหญ่กว่ามาก และเห็นได้ชัดเจน เป็นอีกตัวที่สร้างความโดดเด่นให้กับดวงตาได้ไม่น้อย ด้วยกากเพชรระยิบระยับเหล่านี้ ทำให้ดูเด่นได้ตั้งแต่ระยะไกล แบบ Matteเป็นเนื้อสีด้านๆ ไม่ผสมกากเพชร และไม่มีความมันวาว ใช้งานง่าย แต่งได้หลายลุค แถมยังให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ และยังสามารถประยุกต์ใช้ได้กับหลายส่วน เนื้อแบบไหนทำให้ดวงตาสวยโดดเด่น              ชัดเจนว่า เนื้อแบบที่ทำให้ตาของเราดูสวยโดดเด่นก็คือ เนื้อที่เล่นกับแสงอย่าง Shimmer และเนื้อที่ให้ประกายวับๆ อย่าง Glitter แต่อย่างไรก็ตามในการแต่งหน้าให้ดูดีนั้น จะเน้นหนักไปทางใดทางหนึ่งไม่ได้

Read More

ผลิตภัณฑ์กันแดด จำเป็นไหมในหน้าฝน?

ผลิตภัณฑ์กันแดด จำเป็นไหมในหน้าฝน?

               หลายคนอาจสงสัยว่าช่วงฤดูฝนแบบนี้ ในเมื่อฝนตกแทบจะทุกวัน ทำไมยังต้องทากันแดดอยู่อีก? เพราะเวลาฝนตก ท้องฟ้าก็มืดครึ้ม ไม่เห็นจะมีแสงแดดเลย จำเป็นต้องใช้กันแดดอยู่หรือ? เราขอบอกอย่าประมาทเรื่องการดูแลผิวในทุกๆ ฤดู ลองมาดูรายละเอียดให้ชัดเจนยิ่งขึ้นดีกว่าว่า ทำไมเราจึงต้องใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดอย่างสมํ่าเสมอ                   รังสี UV หรือ Ultraviolet ที่ถูกส่งจากดวงอาทิตย์มายังโลกนั้น แบ่งออกเป็นรังสี UVA และ UVB ซึ่งจะแอบแฝงอยู่ในแสงแดด และไม่สามารถมองเห็นหรือสัมผัสได้ นั่นหมายความว่าเราจะไม่รู้ถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผิวของเราเลย จนกว่ามันจะเกิดขึ้นแล้ว                   รังสี UVA มีความเข้มน้อยกว่ารังสี UVB แต่มีความเข้มที่ค่อนข้างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นหน้าฝน มีลูกเห็บ หรือมีร่มเงา ทั้งยังสามารถทะลุผ่านเมฆ น้ำ และกระจกได้ รังสี UVA มีส่วนสำคัญต่อความชราของผิวในระยะยาว ทั้งยังสามารถทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้ด้วย โดยพื้นฐานแล้วในวันที่อากาศครึ้มหรือหนาวเย็น เมื่อเราออกไปข้างนอก ผิวของเรายังต้องเผชิญกับรังสี UVA ที่เป็นอันตรายอย่างมากอยู่                  ส่วนรังสี UVB จะทำลายผิวชั้นนอก และทำให้ผิวแดงจนถึงขั้นไหม้เกรียม ส่งผลให้ผิวหมองคล้ำ สูญเสียความยืดหยุ่น เกิดริ้วรอย

Read More