การดัดผมมีกี่แบบ

ใครที่กำลังคิดจะไปดัดผม ควรต้องรู้ไว้ก่อนว่า การดัดผมนั้น มีอยู่ 2 แบบ 2 สไตล์ด้วยกัน หรือที่เรียกว่า การดัดผมธรรมดา กับ การดัดผมดิจิตอล ซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างมาก และผลลัพธ์ของลอนที่ได้ก็ต่างกันด้วย มาดูกันดีกว่า ว่าการดัดผมแบบไหน ที่ใช่สำหรับเรา

ดัดผมธรรมดา

การดัดผมแบบธรรมดานั้น ไม่ได้หมายถึงการใช้เครื่องม้วนผมไฟฟ้าดัด แบบที่เราทำๆ กันเอง แต่หมายถึงการดัดผมถาวร ที่ใช้น้ำยาดัดผมเข้ามาช่วย เรียกว่า น้ำยาดัดเย็น โดยวิธีนี้ เป็นการดัดผมถาวร ในแบบที่ไม่ต้องใช้ความร้อน เพราะตัวน้ำยาดัด จะสามารถทำงานได้ดีผ่านตัวแกนดัด ที่อุณหภูมิประมาณ 17 – 45 องศาเซลเซียล จึงเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า การดัดแบบเย็น นั่นเอง
ดัดผมธรรมดา เหมาะกับใคร
การดัดผมแบบนี้ จะเหมาะกับผู้ที่อยากได้ลอนแบบหยิกและหนา รวมถึงโคนผมดูมีวอลลุ่มมากขึ้น เนื่องจากลอนผมที่ได้จากการดัดธรรมดา จะเป็นลอนขนาดเล็ก และโคนผมก็จะดูมีวอลลุ่มมากขึ้น เนื่องจากการดัดแบบนี้สามารถใช้แกนม้วนขึ้นไปได้ตามความต้องการ ซึ่งต่างจากการดัดแบบดิจิตอล

ดัดผมดิจิตอล

นับเป็นวิธีดัดผมถาวรสุดฮิตของสาวๆ ยุคนี้เลยก็ว่าได้ โดยการดัดแบบนี้จะแตกต่างไปจากการดัดแบบธรรมดา เพราะจะต้องใช้ความร้อนเข้ามาช่วย เรียกว่า น้ำยาดัดร้อน โดยใช้งานร่วมกับแกนดัดไฟฟ้า ที่ทำงานด้วยระบบดิจิตอล จึงเรียกว่าการ ดัดผมดิจิตอล หรือ การดัดผมแบบร้อน นั่นเอง ซึ่งการดัดผมแบบนี้ ช่างทำผมจะต้องควบคุมอุณหภูมิให้ดี คือ ประมาณ 120-130 องศาเซลเซียล เพื่อให้ความร้อนเข้าไปกระตุ้นการทำงานของน้ำยาดัดได้ดี เพราะถ้าหากอุณหภูมิไม่ถึง ก็อาจทำให้น้ำยาดัดทำงานได้ไม่เต็มที่ และไม่เกิดลอนสวย

ดัดผมดิจิตอล เหมาะกับใคร
การดัดผมแบบนี้ เหมาะกับผู้ที่อยากได้ลอนเป็นธรรมชาติ ไม่หยิกจนเกินไป และยังทำให้ผมเสียน้อยกว่าการดัดแบบธรรมดา (ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผมของแต่ละคน และน้ำยาดัดที่ใช้ด้วย) โดยการดัดผมดิจิตอล จะเน้นดัดปลายผม ไม่ทำให้โคนยกขึ้นเท่าไหร่ หากเทียบกับการดัดผมธรรมดา ซึ่งการดัดผมดิจิตอลจะมี 3 แบบด้วยกัน คือ C Curl หรือการดัดงุ้มปลาย, J Curl หรือลอนบางๆ และ S Curl หรือลอนแบบคลื่น