ถ้าพูดถึงนวัตกรรมความงาม ที่เรียกว่า โบท็อกซ์ และ ฟิลเลอร์ คงจะมีสาวๆ น้อยคนที่บอกว่าไม่รู้จัก เพราะเรื่องสวยๆ งามๆ เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับสาวๆ อยู่แล้ว แถมทุกวันนี้คลินิกเสริมความงามก็ยังผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด หลายคนที่เคยประสบปัญหากวนใจ อย่างหน้าบาน ใต้ตาคล้ำ ปากไม่ได้ทรง รวมทั้งริ้วรอยอย่างตีนกา ก็คงเคยใช้บริการกันมาแล้วบ้าง แต่สำหรับใครที่ยังไม่เคยลองมาก่อน และกำลังจดๆ จ้องๆ ว่าจะเลือก โบท็อกซ์ หรือ ฟิลเลอร์ ดี ถึงจะเหมาะกับตัวเอง วันนี้เรามีข้อมูลดีๆ มาฝาก
โบท็อกซ์ กับ ฟิลเลอร์ ต่างกันอย่างไร?
- โบท็อกซ์ (Botox)
เป็นสารที่ช่วยลดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ ลดริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้าและอารมณ์ เช่น รอยย่นบนหน้าผาก หว่างคิ้ว รวมถึงรอยตีนกา ซึ่งเจ้าโบท็อกซ์นี้จะสามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุดเลย หรือตรงกรามที่ใหญ่ๆ ทำให้หน้าเราดูบาน ก็สามารถฉีดโบท็อกซ์ช่วยได้ นอกจากนี้ ใครที่มีแก้มเยอะ อยากให้หน้าเล็ก เป็นทรงวีเชฟแบบที่ดาราเขาชอบทำกัน ก็สามารถแก้ปัญหาด้วยการฉีดโบท็อกซ์ได้
- ฟิลเลอร์ (Filler)
เป็นสารที่ช่วยเติมเต็มส่วนที่ขาดบนใบหน้า ทำให้หน้าดูเต็มละมุนขึ้น หน้าใครที่ยังไม่ได้รูป หน้าไม่เต็ม เช่น ขมับตอบ ใต้ตาลึก ร่องแก้มลึก ฟิลเลอร์ก็จะไปเติมแต่ละจุดนั้นๆ ให้เต็มขึ้น นอกจากนี้ ใครที่มีปัญหารูปปากไม่ได้ทรง หรือปากบางเกินไปไม่น่าจุ๊บ รวมถึงใต้ตาคล้ำไม่สดใส คางสั้น คางเบี้ยว คางไม่เท่ากัน ก็สามารถแก้ปัญหาด้วยการเติมฟิลเลอร์ได้
ทำทั้ง 2 อย่างพร้อมกันเลยได้มั้ย?
นับเป็นคำถามยอดฮิตมากๆ เพราะหลายคน ก็มักประสบกับหลายปัญหาพร้อมๆ กัน ซึ่งขอตอบเลยว่า สามารถทำได้ และไม่เป็นอันตราย เพราะ การฉีดโบท็อกซ์ เป็นการลบจุดด้อย ส่วนการเติมฟิลเลอร์ เป็นการเสริมจุดดี ให้ใบหน้าโดยรวมของเราดูละมุนขึ้น ซึ่งแต่ละปัญหา แต่ละจุด ก็จะทำการ ฉีดฟิลเลอร์ และ โบท็อกซ์ คนละจุดกันอยู่แล้ว โดยปกติคุณหมอที่คลินิกความงาม ก็จะช่วยประเมินใบหน้าให้ก่อนทำ เพื่อให้รู้ว่าแต่ละคนจะเหมาะกับอะไรมากที่สุด
ส่วนระยะเวลาเห็นผล ฟิลเลอร์จะเห็นผลทันทีหลังฉีด และจะอยู่ได้นาน 6-12 เดือน ส่วนโบท็อกซ์ จะเห็นผลใน 14 วัน และจะอยู่ได้นาน 4-8 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและคุณภาพของโบท็อกซ์ที่เลือกใช้
ได้ข้อมูลแน่นๆ ไปแบบนี้แล้ว เชื่อว่าใครที่กำลังลังเล น่าจะเลือกสิ่งที่เหมาะกับตัวเองกันได้แล้วนะ
ติดตามบทความ beauty tip ในทุกสัปดาห์ได้ที่ thebeauty-checkin.com
FB : Beauthy Healthy
