How to แต่งหน้าลุค Sun Kissed สวยชิคผิวบ่มแดด

How to แต่งหน้าลุค Sun Kissed สวยชิคผิวบ่มแดด

                  ไหนๆ อากาศบ้านเราก็ร้อนจนแทบร้องขอชีวิตอยู่แล้ว วันนี้เราเลยจะขอชวนสาวๆ มาปลุกความฮอตในตัวเองด้วยไอเดียแต่งหน้าให้แซ่บซ่าท้าแดดในลุค Sun Kissed หรือที่คนไทยเรียกกันว่า ผิวบ่มแดด นั่นเอง ว่าแล้วก็มาดูกันเลยว่ามีเทคนิคการแต่งอย่างไรบ้าง อย่ารองพื้นหนาขั้นตอนแรก จะต้องไม่ลงรองพื้นหน้าเหมือนฉาบปูนหนาเตอะ ควรลงเพียงเบาๆ บางๆ เผยผิวจริงให้มากที่สุด ให้ได้ลุคธรรมชาติที่สุด เพื่อโชว์ผิวสุขภาพดีที่เราเฝ้าบำรุงมายังไงล่ะ เน้นบลัชออนการแต่งหน้าลุคนี้จะต้องเน้นบลัชออนแน่นๆ ประหนึ่งไปโดนแดดจัดๆ มา ส่วนสีที่แนะนำก็เช่น สีพีช สีส้มอิฐ สีชมพูอมแดง หรือสีออกตุ่นนิดๆ จะให้ลุคธรรมชาติที่สุด และจะยิ่งดีมากๆ ถ้าเลือกใช้บลัชออนแบบครีม เพราะจะได้ลุคเงาๆ ติดกับผิวหน้าของเรา แต่ถ้าไม่มีจริงๆ เลือกใช้เป็นแบบฝุ่น ก็จะได้ลุคสวยไปอีกแบบ คอนทัวร์เพิ่มมิติสำหรับใครที่แก้มเยอะ โหนกสูง หรือหน้าบาน ก็ต้องคอนทัวร์หน้าให้ดูเรียวขึ้นสักหน่อย โดยให้เลือกใช้คอนทัวร์แบบเนื้อครีมสีน้ำตาลเข้มๆ ลงในจุดที่อยากให้หน้าดูมีมิติมากขึ้น เช่น ใต้โหนกแก้ม ขอบจมูก และกรอบใบหน้า อายแชโดว์โทนสีนู้ดอยากแต่งหน้าลุคนี้จะต้องใช้อายแชโดว์สีโทนน้ำตาลนู้ด หรือสีออกส้มๆ ทาให้ฟุ้งๆ เทคนิคคือ ต้องลงที่ขอบตาล่างด้วย จากนั้นก็เสริมความแวววาวให้ดวงตาอีกนิดด้วยอายแชโดว์สีส้มแบบมีชิมเมอร์ที่เปลือกตาบนและขอบตาล่าง ก็เป็นอันจบ ลิปสีตุ่นขั้นตอนสุดท้ายก็ปิดจ๊อบด้วยการลงสีปากด้วยลิปสีตุ่นๆ นู้ดๆ ไม่ว่าจะเป็นสีส้มอิฐ สีน้ำตาลอ่อน

Read More

สิ่งต้องห้ามสัมผัสใบหน้า ถ้าไม่อยากให้ผิวหน้ามีปัญหา

สิ่งต้องห้ามสัมผัสใบหน้า ถ้าไม่อยากให้ผิวหน้ามีปัญหา

                  เชื่อแน่ว่าความสวยงามของใบหน้านั้นเป็นสิ่งที่สาวๆ ให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ แต่ละคนจึงหมั่นดูแลบำรุงกันสารพัดรูปแบบที่คิดว่าดีต่อผิวหน้า อย่างไรก็ตามมันก็มีสิ่งต้องห้ามที่ดูเผินๆ เหมือนไม่น่าจะเป็นอะไร แต่ขอแนะนำให้หลีกเลี่ยง อย่าให้สิ่งต่อไปนี้สัมผัสโดนใบหน้าเด็ดขาด ถ้าไม่อยากให้ผิวหน้ามีปัญหา สบู่ก้อนบางครั้งเราอาจต้องไปค้างบ้านเพื่อน หรือไปนอนต่างจังหวัดแบบไม่ทันได้เตรียมตัว แต่ก็ห้ามใช้สบู่ก้อนมาล้างหน้าแก้ขัดเด็ดขาด บางคนอาจมองว่าไม่เห็นเป็นไร สบู่ก้อนถูตัวได้ก็ต้องถูหน้าได้ ซึ่งนั่นก็จริง แต่ถ้าไม่อยากให้หน้าแห้ง แตก และเหี่ยวง่าย ก็หลีกเลี่ยงสบู่ก้อนจะดีกว่า ยาสีฟันเคยมีความเชื่อแบบผิดๆ ว่าเราสามารถเอายาสีฟันมาแต้มให้สิวยุบได้ และบอกต่อๆ กันมา แต่ขอบอกเลยว่าแม้สิวมันจะยุบจริง แต่ยาสีฟันนั้นออกฤทธิ์ต่อผิวหนังอย่างรุนแรง ทำให้ระคายเคืองขั้นสุด และทำให้ผิวแห้งเกินไป ดังนั้นทางที่ดีควร ลงทุนกับยาแต้มสิวจะปลอดภัย และดีต่อใบหน้ามากกว่ากันเยอะ น้ำอุ่นสาวๆ จำนวนมากหลงใหลในการอาบน้ำอุ่น เพราะมันช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายสบายตัวกว่าน้ำเย็น แต่ก็ต้องบอกว่าน้ำอุ่นนั้นไม่ค่อยดีกับผิวของเราซักเท่าไหร่ ยิ่งถ้าใช้ล้างหน้าด้วย ก็จะทำให้ผิวสูญเสียน้ำมันตามธรรมชาติไป ซึ่งจะส่งผลให้ผิวแห้ง คัน และอาจถึงขั้นอักเสบได้ เครื่องสำอางหมดอายุเครื่องสำอางแต่ละชิ้นที่เราลงทุนซื้อมานั้น แม้มันจะแสนแพงแค่ไหน แต่ถ้าหมดอายุแล้วก็จำเป็นต้องตัดใจทิ้ง เพราะนอกจากจะไม่มีประโยชน์ มันยังให้โทษกับผิวหน้าด้วย อาจส่งผลให้ผิวเกิดการระคายเคือง หรือถ้าแพ้ก็ยิ่งต้องเสียทั้งเงินและเวลาในการรักษากันอีกยาว ดังนั้นควรเช็ควันหมดอายุให้ดีๆ แว่นตาสกปรกแม้จะไม่ได้มีปัญหาสายตา แต่เมื่ออยู่ในประเทศที่แดดร้อนจ้าอย่างบ้านเรา หลายคนก็เลยสวมใส่แว่นกันแดดเป็นประจำ แต่ห้ามปล่อยให้แว่นตาสกปรกมาสัมผัสใบหน้าเด็ดขาด! เพราะแว่นตาถือเป็นแหล่งรวมแบคทีเรียและความมัน โดยเฉพาะบริเวณโหนกแก้มและดั้งจมูก ฉะนั้นอย่าลืมทำความสะอาดแว่นตากันบ่อยๆ ด้วย

Read More

แจกสูตรสครับรักแร้ขาวเนียนใสไม่ต้องเลเซอร์

แจกสูตรสครับรักแร้ขาวเนียนใสไม่ต้องเลเซอร์

                 สาวๆ คนไหนที่กำลังมีปัญหาอยากใส่เสื้อสายเดี่ยวแต่ไม่กล้าโชว์รักแร้ หรือใส่เสื้อกล้ามทีไรก็ไม่กล้ายกแขนเพราะเต่าดำจนความมั่นใจหายหด ขอบอกว่าต่อไปนี้สบายใจหายห่วงได้ เพราะเรามีเคล็ดลับ “รักแร้ขาว” มาสร้างความมั่นใจให้สาวๆ กล้าชูแขนได้อย่างไม่อายใคร มะนาวมะนาว นับเป็นตัวช่วยสารพัดประโยชน์ที่อยู่ในทุกสูตรสครับตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างแท้จริง เพราะนอกจากหาง่ายแล้ว ยังในมะนาวมีสาร AHA รวมถึงวิตามินซีสูง จึงช่วยให้ผิวรักแร้ของเราเกลี้ยงเกลา ขาวเนียนขึ้นได้ การใช้งาน็ไม่ยุ่งยาก แค่นำมะนาวมาผ่าครึ่ง จากนั้นก็ถูวนบริเวณรักแร้ประมาณ 5 นาที แล้วล้างออก โดยสามารถถูได้ทั้งก่อนและหลังอาบน้ำ มันฝรั่งหลายคนอาจคิดไม่ถึงว่าใน มันฝรั่ง นั้นมีเอนไซม์ช่วยให้รักแร้ขาวมีออร่าได้ วิธีการคือ ให้ฝานมันฝรั่งออกเป็นแผ่นบางๆ แล้วนำมาถูวนๆ ที่รักแร้ประมาณ 10 นาที แล้วล้างออก ทำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง รักแร้จะขาวขึ้นได้จริง ถ้าไม่เชื่อก็ลองดูนะ มะขามเปียก+น้ำตาลทรายแดงอย่างที่รู้ๆ กันว่า มะขามเปียก นั้นช่วยผลัดเซลล์ผิวได้ ส่วนน้ำตาลทรายแดง ก็จะช่วยขจัดสิ่งสกปรก โดยแค่นำน้ำมะขามเปียก 4 ช้อนโต๊ะ มาผสมกับน้ำตาลทรายแดง 3 ช้อนโต๊ะ ทำการสครับวนๆ ที่รักแร้ แล้วพอกทิ้งไว้สัก 10

Read More

ไอเดีย Mix & Match “กระโปรงกระดุมหน้า” ให้เป็นสไตล์สุดปัง

ไอเดีย Mix & Match “กระโปรงกระดุมหน้า” ให้เป็นสไตล์สุดปัง

                กระแสแฟชั่นยุค 90s ไม่เคยตายไปจากวงการแฟชั่นบ้านเราเลยจริงๆ  เพราะมีไอเทมหลายชิ้นที่สะดุดตา สะดุดใจ น่าหยิบจับมาใส่ไม่รู้เบื่อ และหนึ่งในนั้นก็คือ “กระโปรงกระดุมหน้า” ที่ไม่ว่าจะจับมา Mix & Match เป็นลุคไหนก็ดูจะรอดไปหมด ใครอยากเปรี้ยว อยากเท่ หรืออยากหวานๆ ใสๆ ไว้ใจกระโปรงกระดุมหน้าได้เลย ไม่เชื่อลองมาดูกัน              ได้เห็นตัวอย่างสไตล์การแต่งตัวอันหลากหลายกันไปแล้ว ตัดสินใจกันได้หรือยังว่าอยากจะแต่งสไตล์ไหนดี ว่าแต่ปังทุกลุคขนาดนี้คงต้องรีบไปหามาใส่กันด่วนๆ แล้วล่ะ ติดตามบทความ beauty tip ในทุกสัปดาห์ได้ที่ thebeauty-checkin.com FB : Beauthy Healthy

แต่งตัวแนว Vintage Style ยังไงไม่ให้ดูป้า

แต่งตัวแนว Vintage Style ยังไงไม่ให้ดูป้า

             แฟชั่นที่ดูเก๋าอย่าง Vintage นับเป็นสไตล์ที่กลับมาฮิตได้ตลอด แต่สำหรับใครที่แต่งตัวสไตล์นี้ไม่เป็น การแต่งวินเทจจ๋าๆ ไปเลยก็อาจจะทำให้ดูเป็นป้าในสายตาเด็กรุ่นใหม่ได้ วันนี้เราเลยจะมาแนะนำเทคนิคการแต่งตัวให้สาวๆ ว่าแต่งวินเทจยังไงให้ไม่แก่กัน ผสมความโมเดิร์นเข้าไปลองเลือก Mix & Match แฟชั่นวินเทจให้เข้ากับสไตล์ของเรา แต่ดูเก๋ขึ้น โดยหยิบเอาเสื้อผ้าวินเทจผสมกับเสื้อผ้าที่มีความโมเดิร์น เช่น เอาเสื้อวินเทจมาจับคู่กับกางเกงยีนส์สกินนี่ เอากระโปรงยาวเอวสูงมาจับคู่กับเสื้อยืด หรือเสื้อเชิ้ตสีขาวก็เป็นลุควินเทจน่ารักๆ ก็ทำให้ดูทันสมัยไม่ป้าได้แล้ว อย่าเลือกแบบที่ดูเก่าเกินไปพูดถึงแนววินเทจ หลายคนมักจะนึกถึงเสื้อผ้าเก่า หรือเสื้อผ้ามือสอง แต่ก็ใช่ว่าเสื้อผ้ามือสองทุกตัวจะสภาพดี เพราะถ้าถึงขนาดมีตำหนิ, ขาด, หรือมีรอยเปื้อน บอกเลยว่าห้ามเอามาใส่เด็ดขาด เพราะจากลุคชิคๆ คูลๆ จะกลายเป็นดูซอมซ่อไปแทน ของใหม่ก็วินเทจได้การแต่งตัวสไตล์วินเทจนั้น ความจริงแล้วไม่จำเป็นต้องใส่ของเก่าจริงๆ ก็ได้ เพราะเราสามารถใช้เสื้อผ้าใหม่ๆ ที่มีกลิ่นอายความเป็นวินเทจได้เหมือนกัน จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องสภาพ หรือไซส์ที่ไม่พอดีกับตัวเราด้วย เดรสวินเทจคือของที่ต้องมีสำหรับใครที่เพิ่งเริ่มเข้าสู่วงการวินเทจ และยังไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง ขอบอกว่าไอเทมสไตล์วินเทจที่คนชอบเอามาใส่กันมากที่สุดคือ เดรส เพราะมีให้เลือกเยอะกว่าไอเทมอื่นๆ แถมยังแมตช์ใส่ได้ง่ายที่สุด แค่จับคู่กับเครื่องประดับ รองเท้า หรือหมวกวินเทจสักใบ ก็ดูเป็นสาววินเทจที่ทันสมัย และเก๋เวอร์แล้ว เพิ่มแอคเซสเซอร์รี่แต่ถ้าใครที่ยังไม่กล้าพอจะแต่งสไตล์วินเทจเต็มตัว ก็ลองเอาพวกแอคเซสเซอร์รี่อย่างหมวก หรือผ้าพันคอมาใส่ไปก่อนก็ได้ ยิ่งตอนนี้เทรนด์หมวกวินเทจกำลังมา ทำให้หาง่ายมากๆ

Read More

แจกเคล็ดลับบำรุงส้นเท้าให้เนียนนุ่ม

แจกเคล็ดลับบำรุงส้นเท้าให้เนียนนุ่ม

                แม้ว่า เท้า จะเป็นอวัยวะเบื้องต่ำ และเป็นส่วนเล็กๆ ในร่างกาย แต่กลับมีหน้าที่อันหนักอึ้งในการแบกรับน้ำหนักตัวของเราตั้งแต่เช้าจรดเย็น เรียกว่าทำงานหนักแต่หลายคนกลับลืมใส่ใจในการบำรุงส้นเท้า ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมาโดยเฉพาะปัญหาส้นเท้าแตก ที่ไม่ได้เป็นปัญหาเฉพาะคนสูงวัยเท่านั้น แต่สาเหตุเกิดจากการดูแลเท้า ไม่ถูกวิธีต่างหาก วันนี้เราเลยจะมาบอกเคล็ดลับในการบำรุงส้นเท้าง่ายๆ ที่ทั้งประหยัดเงิน และประหยัดเวลา ไปดูกันเลยว่ามีวิธีไหนบ้าง วาสลีนโดยทาลงบริเวณส้นเท้าในจุดที่แห้งแตก จากนั้นให้ใส่ถุงเท้าไว้ตลอดคืน เพื่อเป็นการเติมน้ำให้ผิวกลับมาชุ่มชื่น และควรทำเป็นประจำสม่ำเสมอ วิธีนี้นับว่าสะดวกมาก เป็นการบำรุงเท้าที่เหมาะกับคนที่ไม่ค่อยมีเวลามากนัก เปลือกกล้วยน้อยคนจะรู้ว่าสรรพคุณของเปลือกกล้วยสามารถแก้ปัญหาส้นเท้าแตกได้ วิธีการก็ง่ายมาก เพียงแค่นำเปลือกกล้วยมาถูบริเวณฝ่าเท้าประมาณ 15 นาที จากนั้นก็ล้างออกด้วยน้ำสะอาด ตามด้วยการทาครีมบำรุง ถือเป็นการดูแลตัวเองด้วยของใกล้ตัวที่มีประโยชน์  โดยไม่ต้องเสียสตางค์มากมาย ไข่ขาวไข่ ช่วยทำให้ส้นเท้าแตกกลับมานุ่มโดยไม่ต้องหาวัตถุดิบอะไรให้ยุ่งยาก แถมยังไม่มีส่วนผสมอื่นอีกด้วย วิธีการก็แค่นำไข่ขาวมาถูกกับฝ่ามือจนเป็นเนื้อโฟม จากนั้นก็นำไปทาที่ฝ่าเท้า ทิ้งไว้ 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด เท่านี้เป็นอันจบ วิธีนี้นอกจากจะช่วยให้ส้นเท้านุ่มขึ้นแล้ว ยังเป็นการทำให้ผิวเท้าไบร์ทขึ้นอีกด้วย สครับทำเองเราสามารถทำสครับไว้สำหรับขัดฝ่าเท้าสไตล์ Homemade ได้ด้วยการผสมเกลือ 1/2 ถ้วย น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนโต๊ะ

Read More

สอนแต่งหน้าสไตล์นางเอกเกาหลี

สอนแต่งหน้าสไตล์นางเอกเกาหลี

              ช่วงหลายปีมานี้ซีรีส์เกาหลีได้รับความนิยมมากๆ ในบ้านเรา ทำให้สาวไทยหลายคนอยากจะแปลงโฉมเป็นนางเอกเกาหลีกันเป็นแถว เผื่อจะเตะตาโดนใจโอ๊ปป้าหนุ่มหล่อกับเค้าบ้าง ใครเบื่อสายฝอแล้ว อยากจะมาทางสายเกา วันนี้เรามีเทคนิค “แต่งหน้าเกาหลี” มาฝาก แต่งตามได้ไม่ยาก คนที่เริ่มหัดแต่งหน้าก็สามารถเรียนรู้เทคนิคไปพร้อมๆ กันได้เลย ปัดคิ้วตามแนวเส้นขน ไม่ปัดตั้ง ปัดขนตาน้อยๆการปัดขนคิ้วเรียงเส้นตามแนวคิ้วของเราไปเลยจะทำให้หน้าหวาน และดูละมุนขึ้น ในทางกลับกันถ้าปัดตั้งขึ้นหน้าจะดูดุให้ใจเย็นๆ ค่อยๆ ปัด อย่าให้หนาเกินจนมาสคาร่าจับตัวเป็นก้อน ส่วนขนตาก็ควรปัดให้ดูธรรมชาติที่สุด โดยเน้นปัดให้ยาว แต่ไม่หนา ไม่ฟู ถ้าปัดแล้วยังรู้สึกไม่ยาวพอ ก็ค่อยปัดซ้ำได้ เทคนิคคือ ปัดขนตาแบบเน้นโคนหนา ปลายบาง ส่วนใครที่ปัดขนตาบางๆ แล้วไม่สะใจ จะติดขนตาทับก็ได้ แต่ให้เลือกขนตาที่ดูบาง และเป็นธรรมชาติที่สุด ไม่หนาหรือยาวเกินไป และก่อนติดขนตาก็ต้องไม่ลืมตัดขนตาปลอมให้มีขนาดที่พอดีกับตาของเราด้วย แต่งตาด้วยโทนสีธรรมชาติ อย่าให้เข้มเกินไปการลงอายแชโดว์ให้ค่อยๆ ลงสีที่ละนิด พยายามอย่าป้ายสีที่แปรงเยอะ ลงน้อยๆ ก่อน แล้วเติมได้ แต่ถ้าลงหนักตั้งแต่แรกจะลบยาก นอกจากโทนสีน้ำตาลอ่อนๆ แล้ว ยังสามารถใช้สีหวานๆ อย่างชมพู สีส้ม หรือ สีพีชได้ ถ้าไม่มั่นใจว่าสีจะเข้ากันไหม แนะนำให้ลองลงสีที่จะใช้ตรงหลังมือก่อน และอย่าแต่งแบบเน้นชั้นตา

Read More

อุปกรณ์แต่งหน้าที่ต้องมีสำหรับคนที่ไม่อยากอวดหน้าสด แต่ก็ไม่ชอบแต่งหน้าจัด

อุปกรณ์แต่งหน้าที่ต้องมีสำหรับคนที่ไม่อยากอวดหน้าสด แต่ก็ไม่ชอบแต่งหน้าจัด

                 ถ้าให้เลือกได้ ใครๆ ก็คงอยากจะมีใบหน้าที่สวยเพอร์เฟก ชนิดที่ตื่นนอนปุ๊บก็หน้าสดออกจากบ้านได้เลย แต่ในความเป็นจริงแล้วคงมีน้อยคนมากๆ ที่เป็นแบบนั้น หรือต่อให้สวยอยู่แล้ว ผู้หญิงทั่วไปก็คงอยากจะแต่งเติมใบหน้ากันบ้างนิดๆ หน่อยๆ เพื่อให้ดูสดใสและมีสีสัน วันนี้เราเลยจะมาแนะนำคุณสาวๆ ว่า อุปกรณ์อะไรบ้างที่ควรมีติดกระเป๋า ถ้าหากเราไม่อยากอวดหน้าสด แต่ก็ไม่ชอบแต่งหน้าจัด ไปดูกันเล้ย บรัชออนโทนสีชมพู-ม่วง เป็นสีของคนมีสไตล์ แถมสีนี้ยังเข้าได้กับทุกสีผิวเลยด้วย แนะนำให้ลองเพิ่มชิมเมอร์เข้าก็จะยิ่งทำให้แก้มดูฉ่ำ ดูสวยมากขึ้น          เกิดเป็นผู้หญิงแล้ว มันก็ต้องหัดแต่งหน้าให้เป็นเอาไว้บ้าง ต่อให้ไม่ชอบเมกอัพเอาซะเลย แต่การแต่งหน้าบ้างเล็กๆ น้อยๆ เวลาออกนอกบ้าน ก็จะสร้างความประทับใจให้กับผู้พบเห็นได้มากกว่านะ ติดตามบทความ beauty tip ในทุกสัปดาห์ได้ที่ thebeauty-checkin.com  FB : Beauthy Healthy 

เทคนิคกู้หน้าพังหลังตื่นนอน

เทคนิคกู้หน้าพังหลังตื่นนอน

                เชื่อว่าทุกคนน่าจะต้องเคยเจอกับปัญหาหน้าพัง เป็นรอยยับหลังตื่นนอนกันบ่อยๆ โดยเฉพาะใครที่ชอบนอนคว่ำหน้า หรือนอนตะแคงข้างเดียวเป็นประจำเนี่ย ต้องเป็นแน่ๆ กว่าจะหายก็ใช้เวลาตั้งหลายชั่วโมง ออกจากบ้านเขินคนจะแย่ ต้องคอยเอาผมมาปิดๆ บังๆ เสียบุคลิกไปอีก แถมถ้าเป็นบ่อยๆ เข้าก็สามารถกลายเป็นริ้วรอยถาวรได้เลยนะ แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะวันนี้เราจะมาแจกทริคแก้หน้าพังหลังตื่นนอน รับรองว่าทำตามนี้แล้วรอยยับหายไวขึ้นได้แน่ ทริคแก้หน้ายับให้หายไวขึ้น               โดยปกติแล้วหากเราไม่ทำอะไรเลย รอยยับจะหายได้เองภายใน 3 – 4 ชั่วโมง ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับวัยด้วย เพราะพออายุมากขึ้นระดับคอลลาเจนก็จะลดลง การฟูตัวของผิวก็จะช้าลงด้วย แต่ทริคดังต่อไปนี้จะช่วยลดระยะเวลาหน้ายับได้มากกว่าครึ่งเลยทีเดียว ถ้าไม่อยากหน้ายับหลังตื่นนอนต้องทำยังไง               รอยยับบนใบหน้าหลังตื่นนอนนั้นเกิดจากการถูกกดทับเป็นเวลานาน ซึ่งโดยปกติทั่วไปคนเรามักจะชอบนอนตะแคงกันมากกว่านอนหงาย ก็ยิ่งทำให้เกิดรอยยับบนใบหน้าได้ง่าย                  สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งนอกจากท่านอนและปลอกหมอนที่ลืมไม่ได้ ก็คือการใช้ครีมบำรุง หรือมอยเจอร์ไรเซอร์ เพิ่มความชุ่มชื้นและยืดหยุ่นให้กับผิวอย่างสม่ำเสมอ เพราะถ้าผิวดีผิวเด้ง ก็จะช่วยลดการเกิดรอยยับได้ดียิ่งขึ้นนั่นเอง ติดตามบทความ beauty tip ในทุกสัปดาห์ได้ที่ thebeauty-checkin.com  FB : Beauthy Healthy 

เลือกใช้ Cleansing ให้ถูก หน้าจะสวยใส และห่างไกลสิว

เลือกใช้ Cleansing ให้ถูก หน้าจะสวยใส และห่างไกลสิว

               หลายคนมัวแต่สนใจกับการเลือกซื้อเครื่องสำอางที่ทำให้หน้าสวย จนอาจเผลอลืมไปว่า แท้จริงแล้วผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าอย่าง Cleansing นั้น สำคัญกว่าเครื่องสำอางอีกนะ เพราะผิวหน้าเราจะพังไม่พัง ก็ขึ้นอยู่กับการทำความสะอาดใบหน้านี่แหละ วันนี้เราเลยจะพามาทำความรู้จักคลีนซิ่งกันให้มากขึ้นว่ามีกี่ประเภท และแต่ละประเภทเหมาะกับผิวแบบไหน คลีนซิ่งแบบน้ำมีลักษณะเป็นน้ำใสๆ ส่วนใหญ่จะเป็นแบบ Oil-Free คือ ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน เป็นคลีนซิ่งที่ป๊อปปูล่าที่สุด เพราะใช้ง่าย แค่เทลงบนสำลี แล้วนำไปเช็ดเครื่องสำอางจนผิวสะอาด ก็เป็นอันเสร็จ แถมบางยี่ห้อยังไม่ต้องล้างน้ำตามอีกด้วย เหมาะสำหรับคนผิวมัน ส่วนคนที่มีผิวหน้าแห้งแนะนำให้ใช้แบบอื่นนะ คลีนซิ่งแบบเจลเนื้อคลีนซิ่งจะเป็นลักษณะใสๆ หรือบางยี่ห้ออาจเป็นเจลขุ่นๆ ซึ่งจุดเด่นของแต่ละยี่ห้อก็จะแตกต่างกันออกไป ทั้งในเรื่องของส่วนผสม และลักษณะการใช้งาน ส่วนใหญ่จะมีมอยเจอร์ไรเซอร์บำรุงผิว ผู้ใช้จะรู้สึกผิวหน้าไม่แห้งตึง บางยี่ห้อไม่ทิ้งคราบมันเอาไว้ด้วยก็มี เหมาะสำหรับคนที่แต่งหน้าไม่เยอะ คลีนซิ่งแบบออยใครที่แต่งหน้าหนักๆ จะขาดคลีนซิ่งแบบออยไม่ได้เลย เพราะน้ำมันบวกกับส่วนผสมในคลีนซิ่งชนิดนี้จะสามารถล้างเครื่องสำอางออกได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะสาวๆ ที่ชอบใช้เครื่องสำอางแบบกันน้ำ การใช้งานก็ง่าย ไม่ยุ่งยาก แค่เทลงบนฝ่ามือ และนวดเบาๆ ให้ทั่วใบหน้า จากนั้นค่อยล้างออกด้วยน้ำสะอาด คลีนซิ่งแบบนมคลีนซิ่งแบบนม หรือโลชั่น น่าจะเป็นไอเทมโปรดของใครหลายคน เพราะกลิ่นจะออกนุ่มๆ ละมุนๆ คล้ายๆ กับนม ซึ่งนอกจากจะใช้ล้างเครื่องสำอางแล้ว คลีนซิ่งชนิดนี้ยังบำรุงผิวไปในตัวด้วย วิธีใช้ก็เพียงนวดเบาๆ บนผิวหน้าจนเครื่องสำอางหลุดออกหมด

Read More