วิธีลบรอยแผลเป็นบนใบหน้า

ปัญหาผิวทั่วไปของสาวๆ นอกจากเรื่องสิว และริ้วรอยต่างๆ แล้ว ก็ยังมีปัญหาแผลเป็นที่อาจเกิดจากสิว หรือปัจจัยอื่นๆ ซึ่งล้วนส่งผลให้ผิวไม่เรียบเนียน และทำลายความมั่นใจได้มากทีเดียว วันนี้เราเลยจะมาแชร์วิธีลบรอยแผลเป็นบนใบหน้ามาฝาก ถ้าอยากผิวกลับมาเรียบเนียน และมั่นใจได้อีกครั้ง ต้องห้ามพลาด

เจลว่านหางจระเข้
ในว่านหางจระเข้ มีคุณสมบัติช่วยรักษาและต้านการอักเสบ แต่การใช้ว่านหางจระเข้สดจะค่อนข้างยุ่งยาก แนะนำให้ใช้เจลว่านหางจระเข้บริสุทธิ์ที่มีขายอยู่แล้ว นำมาทาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง แล้วล้างออก ก็เป็นอันเรียบร้อย

น้ำมันมะพร้าว
ส่วนใหญ่แล้วแผลเป็น ก็คือผิวที่แห้ง ดังนั้นจึงควรหมั่นเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวบริเวณนั้นมากเป็นพิเศษ โดยใช้น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์มานวดให้ทั่วแผลเป็น จากนั้นก็ทิ้งไว้ได้นานเท่าที่ต้องการ เพราะไม่จำเป็นต้องล้างออก

แอปเปิลไซเดอร์
แอปเปิลไซเดอร์ หรือ น้ำส้มสายชูแอปเปิล เหมาะกับผิวที่มีรอยแผลเป็นจากสิว และมีแนวโน้มที่จะเป็นสิวอีก เพราะมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ และฆ่าเชื้อได้ เพียงแค่นำมาผสมกับน้ำอย่างละเท่าๆ กัน จากนั้นก็ใช้สำลีชุบแล้วนำมาเช็ดให้ทั่วใบหน้า เน้นรอยดำ และรอยแผลเป็นจากสิว ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วล้างออก

น้ำผึ้งและนม
สูตรนี้ช่วยทั้งเรื่องผิวกระจ่างใส และผิวหน้านุ่ม วิธีการคือ ผสมนมสด 1 ช้อนชา กับน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา แล้วนำมาทาบริเวณแผลเป็น ทิ้งไว้ประมาณครึ่งชั่วโมงค่อยล้างออก จะช่วยให้รอยแผลเป็นดูจางลง และผิวบริเวณนั้นนุ่มขึ้นด้วย

หากลองรักษาแผลเป็นด้วยตัวเองแล้วยังไม่ได้ผล ก็ยังมีอีกวิธี คือ การพึ่งพาเทคโนโลยีทางการแพทย์ โดยสามารถทำได้หลายวิธี เช่น

สัก
เป็นการสักโดยใช้สีที่เหมือนกับสีผิวจริง สักลงไปบริเวณที่เกิดรอยแผลเป็น ทำให้สีผิวกลมกลืนกับรอยแผล นับเป็นวิธีที่รวดเร็ว และทำให้รอยแผลหายไปได้แบบทันตา

ฟิลเลอร์
วิธีนี้เหมาะกับแผลเป็นที่เป็นหลุม เช่น หลุมสิว โดยจะเป็นการเติมฟิลเลอร์ลงไป เพื่อให้เนื้อผิวเต็มขึ้น ช่วยทำให้หลุมสิวจางลง แต่ผลจะอยู่แค่ประมาณ 18 เดือน จึงต้องคอยเติมเรื่อยๆ

เลเซอร์
เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมสูงสุด โดยใช้เลเซอร์ชนิด IPL เพื่อกำจัดเนื้อเยื่อแผลเป็นใต้พื้นผิว และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ซึ่งจะทำให้แผลเป็นจางลงได้

เมื่อรู้ถึงวิธีลบรอยแผลเป็นบนใบหน้ากันแล้ว ใครที่กำลังกังวลเรื่องรอยแผลอยู่ ก็ลองเลือกวิธีที่เหมาะกับตัวเองมาใช้กันดูนะ และก็ควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงที่จะทำให้เกิดรอยแผลเป็นด้วย เพราะมันย่อมดีกว่าการกู้หน้าพังๆ แน่นอน

ติดตามบทความ beauty tip ในทุกสัปดาห์ได้ที่ thebeauty-checkin.com